เฟิ่งฮวาง (凤凰) - เพราะคำโบราณว่าไว้ “ภายใต้การนำของปรมาจารย์ ศิษย์ไหนเลยจะมิก้าวหน้า” (名师出高徒) ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยจึงดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนชั้นนำ สำหรับโรงเรียนศิลปกายกรรมหนิงจิน (宁津杂技艺术学校) ณ มณฑลซานตง (山东省) แห่งนี้ แม้ว่าสภาพอาคารจะดูเก่าคร่ำครึไร้ซึ่งอุปกรณ์อันทันสมัย ถึงขนาดมีโรงครัวแต่ไม่มีโรงอาหาร ทว่า กว่า 50 ปีมาแล้ว ที่โรงเรียนได้ทำหน้าที่ผลิตเยาวชนนักกายกรรมจำนวนมาก
ตำบลหนิงจิน คือ แหล่งผลิตศิลปกายกรรมที่มีชื่อเสียงของจีน ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ไม่มีหนิงจิน ก็ยากที่จะเกิดคณะกายกรรม” สำหรับโรงเรียนศิลปกายกรรมหนิงจินนั้น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1959 ในช่วงแรกด้วยจำนวนสมาชิกที่มากกว่า ชื่อเสียงของคณะกายกรรมตำบลหนิงจิน (宁津杂技) จึงโด่งดังไปไกลกว่าคณะกายกรรมของตำบลหวู่เฉียว (吴桥杂技) ต่อมาภายหลังมีเหตุให้คณะกายกรรมหนิงจินต้องปิดตัวลง สมาชิกต้องร่อนเร่ไปทั่วระแหง ส่งผลให้คณะกายกรรมของตำบลหวู่เฉียวเริ่มพัฒนาและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
อย่างไรก็ดี การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์กายกรรมแห่งแรกของจีนที่ตำบลหนิงจินในปี 2011 ทำให้ตำบลหนิงจินกลับมามีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องกายกรรมอีกเป็นครั้งที่ 2 ทว่า เนื่องจากปัจจุบันงบประมาณของโรงเรียนมาจากรัฐบาลเพียงทางเดียว ทำให้รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะทำให้ศิลปะกายกรรมดำรงสืบไป ณ ตำบลแห่งนี้ คู่สามีภรรยาผู้อำนวยการโรงเรียนศิลปกายกรรมหนิงจิน ผู้คลุกคลีกับศิลปะชนิดนี้มาแต่เด็ก จึงพร้อมใจฝ่าฟันทุกอุปสรรค
สำหรับขั้นตอนการฝึกฝนนั้น นักเรียนต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เข้าเรียนวิชาวัฒนธรรม 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะฝึกฝนกายกรรมต่อตลอดทั้งวัน แต่เพราะไม่มีโรงอาหาร นักเรียนจึงได้แต่รับประทานอาหารในห้องพัก
เมื่อถามถึงอนาคต คำตอบของเด็กๆ ก็ต่างกันไป บ้างก็ว่าหาเงินไปซื้ออาหารดีๆ กิน บ้างก็ว่าเก็บเงินไปเมืองนอก ทั้งนี้ คำตอบของผู้อำนวยการและคณะครูกลับเป็นเสียงเดียวกัน คือ “หวังว่าศิลปกายกรรมของตำบลหนิงจินจะโด่งดัง และเป็นที่ยอมรับทั่วประเทศ”
ตำบลหนิงจิน คือ แหล่งผลิตศิลปกายกรรมที่มีชื่อเสียงของจีน ถึงกับมีคำกล่าวว่า “ไม่มีหนิงจิน ก็ยากที่จะเกิดคณะกายกรรม” สำหรับโรงเรียนศิลปกายกรรมหนิงจินนั้น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1959 ในช่วงแรกด้วยจำนวนสมาชิกที่มากกว่า ชื่อเสียงของคณะกายกรรมตำบลหนิงจิน (宁津杂技) จึงโด่งดังไปไกลกว่าคณะกายกรรมของตำบลหวู่เฉียว (吴桥杂技) ต่อมาภายหลังมีเหตุให้คณะกายกรรมหนิงจินต้องปิดตัวลง สมาชิกต้องร่อนเร่ไปทั่วระแหง ส่งผลให้คณะกายกรรมของตำบลหวู่เฉียวเริ่มพัฒนาและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น
อย่างไรก็ดี การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์กายกรรมแห่งแรกของจีนที่ตำบลหนิงจินในปี 2011 ทำให้ตำบลหนิงจินกลับมามีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องกายกรรมอีกเป็นครั้งที่ 2 ทว่า เนื่องจากปัจจุบันงบประมาณของโรงเรียนมาจากรัฐบาลเพียงทางเดียว ทำให้รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย เพื่อที่จะทำให้ศิลปะกายกรรมดำรงสืบไป ณ ตำบลแห่งนี้ คู่สามีภรรยาผู้อำนวยการโรงเรียนศิลปกายกรรมหนิงจิน ผู้คลุกคลีกับศิลปะชนิดนี้มาแต่เด็ก จึงพร้อมใจฝ่าฟันทุกอุปสรรค
สำหรับขั้นตอนการฝึกฝนนั้น นักเรียนต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เข้าเรียนวิชาวัฒนธรรม 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะฝึกฝนกายกรรมต่อตลอดทั้งวัน แต่เพราะไม่มีโรงอาหาร นักเรียนจึงได้แต่รับประทานอาหารในห้องพัก
เมื่อถามถึงอนาคต คำตอบของเด็กๆ ก็ต่างกันไป บ้างก็ว่าหาเงินไปซื้ออาหารดีๆ กิน บ้างก็ว่าเก็บเงินไปเมืองนอก ทั้งนี้ คำตอบของผู้อำนวยการและคณะครูกลับเป็นเสียงเดียวกัน คือ “หวังว่าศิลปกายกรรมของตำบลหนิงจินจะโด่งดัง และเป็นที่ยอมรับทั่วประเทศ”