เอเยนซี- วันที่ 11 ม.ค. 56 เวบไซต์เศรษฐกิจจีน(中国经济网) รายงาน รัฐสภาไถเป่ย หรือ ไทเป (台北) ออกกฎใหม่ให้นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้าได้แต่ประตูหลัง พร้อมจำกัดบริเวณเข้าเยี่ยมชมสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่โดยเฉพาะ โดยสาเหตุหลักมาจากเรื่องมารยาทซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภา
หลังจากที่ไต้หวันกระชับความสัมพันธ์พร้อมกับส่งเสริมการค้า และการท่องเที่ยวกับจีน ผ่อนคลายกฎระเบียบให้กับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่ปี 2551 ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก และในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา (2553) จีนและไต้หวันต่างก็ได้เปิดสำนักงานท่องเที่ยวแบบกึ่งทางการขึ้นในดินแดนของ อีกฝ่าย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ตั้งแต่ไต้หวันแยกการปกครองจากจีน ในปี พ.ศ. 2492
เนื่องจากรัฐสภาไถเป่ย (ไทเป) อยู่ใกล้กับตึกไถเป่ย (ไทเป) 101 ศาลาว่าการประจำเมือง พิพิธภัณฑ์รำลึกซุนยัดเซ็น และจุดท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ อีกมาก จึงไม่น่าแปลกที่ห้องอาหารของรัฐสภาซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 300 หยวน (1,500 บาท) จะเป็นจุดพักรับประทานอาหารของกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะภายหลังจากที่รัฐสภาไถเป่ย (ไทเป) เปิดรับรองนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ทว่า การยืนออถ่ายรูปบริเวณทางรถวิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การทิ้งขี้บุหรี่ในกระถางต้นไม้บริเวณประตูหน้า การทิ้งไม้จิ้มฟันในกระถางต้นไม้บริเวณห้องอาหารชั้นล่าง การส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายบริเวณโถงชั้นล่างและห้องอาหาร ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภาเป็นอย่างมาก
เป็นเหตให้ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐสภาจำต้องออกกฎควบคุมนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยห้ามเข้าทางประตูหน้า เข้าได้เฉพาะประตูหลังแทน ห้ามเข้าห้องน้ำชั้นล่าง เข้าได้เฉพาะห้องน้ำของห้องอาหารที่เดียว และเมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ต้องรอให้พนักงานของอาหารเดินส่ง ถึงขั้นติดประกาศไว้หน้าห้องอาหารว่า “พื้นที่สำหรับเยี่ยมชมสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่นั้น จำกัดไว้เพียงบริเวณห้องโถงและห้องอาหารชั้น 1 ของรัฐสภา ห้ามขึ้นชั้น 2-3 ชั้น 5-7”
เลขาธิการรัฐสภาไถเป่ย (ไทเป) หวาง จินเต๋อ (王金德) กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้เยี่ยมชมบรรยากาศอภิปรายแบบประชาธิปไตยมิใช่เรื่องผิด พวกเขาตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่และรู้สึกอยากมีส่วนร่วม ถึงขั้นมีผู้ตะโกนออกมาดังๆ ว่า “นี่คือการจัดฉาก หรือด่าจริง” เมื่อได้ฟังสส.อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นต้น ซึ่งอีกแง่หนึ่งก็ถือเป็นการกระตุ้นให้สมาชิกรัฐสภาต้องทำการบ้านหนักขึ้น และต้องนำเสนอด้วยเอกสารหลักฐานที่มีความรัดกุมยิ่งขึ้น ส่วนผู้ดูแลห้องอาหารรัฐสภาก็โอดครวญว่า “การได้เสพบรรยากาศหรู ทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็จริง แต่กรุ๊ปทัวร์ชาวจีนก็หั่นราคาแหลก จนแทบไม่ได้กำไรเลยทีเดียว”
หลังจากที่ไต้หวันกระชับความสัมพันธ์พร้อมกับส่งเสริมการค้า และการท่องเที่ยวกับจีน ผ่อนคลายกฎระเบียบให้กับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่ปี 2551 ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก และในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา (2553) จีนและไต้หวันต่างก็ได้เปิดสำนักงานท่องเที่ยวแบบกึ่งทางการขึ้นในดินแดนของ อีกฝ่าย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ตั้งแต่ไต้หวันแยกการปกครองจากจีน ในปี พ.ศ. 2492
เนื่องจากรัฐสภาไถเป่ย (ไทเป) อยู่ใกล้กับตึกไถเป่ย (ไทเป) 101 ศาลาว่าการประจำเมือง พิพิธภัณฑ์รำลึกซุนยัดเซ็น และจุดท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ อีกมาก จึงไม่น่าแปลกที่ห้องอาหารของรัฐสภาซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 300 หยวน (1,500 บาท) จะเป็นจุดพักรับประทานอาหารของกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะภายหลังจากที่รัฐสภาไถเป่ย (ไทเป) เปิดรับรองนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ทว่า การยืนออถ่ายรูปบริเวณทางรถวิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ การทิ้งขี้บุหรี่ในกระถางต้นไม้บริเวณประตูหน้า การทิ้งไม้จิ้มฟันในกระถางต้นไม้บริเวณห้องอาหารชั้นล่าง การส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายบริเวณโถงชั้นล่างและห้องอาหาร ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภาเป็นอย่างมาก
เป็นเหตให้ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐสภาจำต้องออกกฎควบคุมนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยห้ามเข้าทางประตูหน้า เข้าได้เฉพาะประตูหลังแทน ห้ามเข้าห้องน้ำชั้นล่าง เข้าได้เฉพาะห้องน้ำของห้องอาหารที่เดียว และเมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ต้องรอให้พนักงานของอาหารเดินส่ง ถึงขั้นติดประกาศไว้หน้าห้องอาหารว่า “พื้นที่สำหรับเยี่ยมชมสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่นั้น จำกัดไว้เพียงบริเวณห้องโถงและห้องอาหารชั้น 1 ของรัฐสภา ห้ามขึ้นชั้น 2-3 ชั้น 5-7”
เลขาธิการรัฐสภาไถเป่ย (ไทเป) หวาง จินเต๋อ (王金德) กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้เยี่ยมชมบรรยากาศอภิปรายแบบประชาธิปไตยมิใช่เรื่องผิด พวกเขาตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่และรู้สึกอยากมีส่วนร่วม ถึงขั้นมีผู้ตะโกนออกมาดังๆ ว่า “นี่คือการจัดฉาก หรือด่าจริง” เมื่อได้ฟังสส.อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นต้น ซึ่งอีกแง่หนึ่งก็ถือเป็นการกระตุ้นให้สมาชิกรัฐสภาต้องทำการบ้านหนักขึ้น และต้องนำเสนอด้วยเอกสารหลักฐานที่มีความรัดกุมยิ่งขึ้น ส่วนผู้ดูแลห้องอาหารรัฐสภาก็โอดครวญว่า “การได้เสพบรรยากาศหรู ทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็จริง แต่กรุ๊ปทัวร์ชาวจีนก็หั่นราคาแหลก จนแทบไม่ได้กำไรเลยทีเดียว”