รอยเตอร์ - ประชาชนและนักข่าวสุดทนการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของหัวหน้าฝ่ายโฆษณาการมณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ที่สั่งให้เปลี่ยนข่าวหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ “เซาเทิร์น วีกลี” เป็นบทสดุดีพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยพากันออกมาชุมนุมประท้วงหน้าสำนักใหญ่ของหนังสือพิมพ์ อันเป็นความเคลื่อนไหวที่นานๆ จะเกิดขึ้นให้รัฐบาลได้ชมเป็นขวัญตาเสียที
การประท้วงในเมืองก่วงโจว (กวางเจา) ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลก่วงตง เมื่อวันจันทร์ ( 7 ม.ค.) เกิดขึ้นในท่ามกลางสถานการณ์เผชิญหน้า ที่นับวันจะตึงเครียดมากขึ้นระหว่างรัฐบาลจีนกับประชาชนเกี่ยวกับระบบเซ็นเซอร์ ที่ปิดกั้นเสรีภาพของการเสนอข่าว และกำลังเป็นบทพิสูจน์คำมั่นสัญญาของรองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนใหม่ ที่ประกาศว่าจะปฏิรูปการเมือง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตให้ผู้ประท้วงชุมนุมกันที่บริเวณด้านนอกอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท หนันฟาง มีเดีย กรุ๊ป (Nanfang Media Group) ซึ่งแสดงว่าคณะผู้บริหารปกครองมณฑลก่วงตงภายใต้การนำของนายหู ชุนหวา เลขาธิการพรรคฯประจำสาขาก่วงตงคนใหม่ และนักการเมืองดาวรุ่ง ประสงค์ดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อควบคุมยับยั้งความโกรธแค้นของประชาชนต่อระบบเซ็นเซอร์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย
กระแสต่อต้านคัดค้านอย่างรุนแรงเริ่มมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน หลังจากนักข่าวของหนังสิอพิมพ์เซาเทิร์น วีกลี กล่าวหาว่ามีการถอดบทความหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ ซึ่งเขียนขึ้นในลักษณะจดหมายวันปีใหม่ถึงผู้อ่าน ตามธรรมเนียมรับขวัญปีใหม่ของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ โดยบทความที่ถูกถอดมีเนื้อหาเรียกร้องการมีรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญ และให้นำบทสดุดีพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาเสียบแทน
นักข่าวหลายคนของเซาเทิร์น วีกลียังรับไม่ได้ เมื่อผู้บริหารของเซาเทิร์น วีกลีแถลงผ่านไมโครบล็อกอย่างเป็นทางการเมื่อคืนวันอาทิตย์ (6 ม.ค.) โดยปฏิเสธว่ามิได้มีการเซ็นเซอร์ให้ถอดจดหมายปีใหม่ โดยระบุว่า “ข่าวลือในสังคมออนไลน์เป็นเรื่องเท็จ” นักข่าวเหล่านี้จึงประกาศหยุดงานประท้วงในวันรุ่งขึ้นทันที
ผู้ประท้วงซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นหนุ่มสาวได้วางแผ่นกระดาษซึ่งเขียนด้วยลายมือไว้ที่หน้าสำนักงานใหญ่ มีข้อความว่า “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมิใช่อาชญากรรม” และ “ชาวจีนต้องการเสรีภาพ”
ผู้ประท้วงอีกหลายคนได้นำช่อดอกเบญมาศสีเหลือง ซึ่งใช้สำหรับไว้อาลัยคนตายมาวางไว้เพื่อไว้อาลัยเสรีภาพของการสื่อสารมวลชนที่ได้ตายไปแล้วอีกด้วย
ขณะเดียวกันยังมีการร่อนจดหมายเปิดผนึกหลายฉบับในอินเทอร์เน็ต เรียกร้องให้นายถั่ว เจิ้นหัวหน้าฝ่ายโฆษณาการของมณฑลก่วงตงลาออก โดยกล่าวหาเขาว่าปิดปากสื่อมวลชน
“เขาอหังการเกินไป ล้ำเส้น และละเมิดกฎระเบียบมาตลอด” นายเอี๋ยน ลี่ซาน อดีตบรรณาธิการผู้คร่ำหวอดของเซาเทิร์น วีกลี ซึ่งปลดเกษียณแล้วระบุทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
ขณะที่นายเสี่ยว ชู นักวิจารณ์ชื่อดังซึ่งเคยทำงานกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวว่า นายถั่วคนนี้นี่แหละที่สั่งให้นักข่าวต้องส่งหัวข้อรายงานข่าวไปให้เขาตรวจสอบ และจัดการหั่นข่าวที่เขาไม่ปลื้มออกไป
นักศึกษาวัย 21 ปี เดินทางมาจากมณฑลเจ้อเจียงฝั่งตะวันออกของจีน เพื่อร่วมการประท้วงฯนี้ด้วย บอกว่า เธอกลัวว่าอุปสรรคที่หนันฟางประสบนี้ เป็นเครื่องสะท้อนว่า เสรีภาพการพูดการแสดงออก ถูกริดรอนมากขึ้นๆ นอกจากนี้ “ไมโครบล็อก เวยปัวของเพื่อนๆหลายคนก็ถูกบล็อก หลังจากที่ถกเถียงกันประเด็นนี้”
ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งเตือนว่า ศึกขัดแย้งระหว่างหนังสือพิมพ์และหน่วยเซ็นเซอร์ อาจนำวิกฤตความเชื่อมั่นในกลุ่มการนำใหม่
ทนายความในก่วงโจวผู้หนึ่ง กล่าวว่าการปิดปากเซาเทิร์น วีคลี่ เห็นชัดว่าขัดแย้งกับท่าทีการเปิดกว้างการปฏิรูปของกลุ่มผู้นำใหม่ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง สีได้เดินทางตรวจเยี่ยมภาคใต้หลังจากที่นั่งตำแหน่งนายใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ไม่กี่สัปดาห์ และได้ปราศรัยว่า “ทุกคนจะตั้งคำถามว่าผู้นำจะดำเนินการปฏิรูปแบบไหนกันแน่ หากไม่แม้แต่ฟังเสียงที่มีเหตุผลและถ้อยทีถ้อยปราศรัยของเซาเทิร์น วีคลี่” สี กล่าว
ด้านหนึ่ง กลุ่มฝ่ายซ้ายได้ตั้งเวทีโต้กลุ่มประท้วง กล่าวหาว่าหนังสือพิมพ์ “เป็นเครื่องมือของจักรวรรดินิยมอเมริกัน” พร้อมโต้แย้งกลับไปว่า ไม่มีการเซ็นเซอร์ใดๆทั้งสิ้น ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกน้ำลายกันดุเดือด
นอกจากกรณีการถอดจดหมายวันปีใหม่แล้ว เมื่อวันศุกร์ (4 ม.ค.) ยังมีรายงานว่า ทางการจีนยังสั่งปิดเว็บไซต์ของนิตยสารสนับสนุนการปฏิรูปชั้นนำ คือ เหยียนหวง ชุนชิว (《炎黄春秋》 (China Through the Ages)) นิตยสารรายเดือนที่นำเสนอบทความของกลุ่มเจ้าหน้าที่นักปฏิรูปที่ปลดเกษียณ โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผล แต่จากการวิพากษ์วิจารณ์คาดว่าสาเหตุมาจากมีการลงบทความเรียกร้องให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนปฏิรูปการเมือง และการมีรัฐบาลที่ยึดหลักการบริหารประเทศบนพื้นฐานของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่เป็นการบังอาจท้าทายพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ปกครองประเทศอย่างชนิดที่ทางพรรคไม่อาจจะรับได้