ฮอลลีวูดยึด “จอเงิน” แผ่นดินใหญ่

เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์/ASTVผู้จัดการ – ภาพยนตร์ฮอลลีวูดครองตลาดจอเงินในประเทศจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังสถิติชี้ในรอบปีที่ผ่านมา มีหนังจีนแผ่นดินใหญ่ติดอันดับท็อปเทนหนังทำรายได้แค่ 3 จาก 10 เรื่องเท่านั้น โดยรายได้จากการขายตั๋วหนังในจีนในรอบปี 2555 พุ่งแตะ 8.4 หมื่นล้านบาท

ปี 2555 (ค.ศ.2012) ที่ผ่านมา บ็อกซ์ออฟฟิศของจีนแผ่นดินใหญ่ถูกภาพยนตร์ต่างชาติครองตลาดมากกว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังจากทางการจีนอนุญาตให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดสามารถเข้าฉายในโรงได้มากขึ้น และบีบพื้นที่ในการเผยแพร่ของภาพยนตร์จากผู้ผลิตชาวจีนเองให้เหลือน้อยลง

วันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ประชาชนรายวันของทางการจีนรายงานว่า คาดการณ์จากสำนักกิจการวิทยุ ภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งชาติจีน (SARFT) ระบุว่ารายได้จากการขายตั๋วหนังทั้งปี 2555 ในจีนนั้นน่าจะพุ่งขึ้นไปสูงถึง 16,800 ล้านหยวน (ราว 84,000 ล้านบาท) โดยเป็นรายได้ของภาพยนตร์จีนเองประมาณ 8,000 ล้านหยวน (ราว 40,000 ล้านบาท)

ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ รายได้ของภาพยนตร์จีนมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่า การลงนามในข้อตกลงทางการค้าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่อนุญาตให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดสามารถเข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์บนจีนแผ่นดินใหญ่ได้มากขึ้นนั้นส่งผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ภายในประเทศ

ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ของรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว จีนกับสหรัฐฯ ประกาศว่าข้อตกลงทางการค้าดังกล่าวจะเพิ่มจำนวนภาพยนตร์อเมริกันที่ลงโรงฉายในแผ่นดินใหญ่ โดยรายละเอียดของข้อตกลงฉบับนี้ระบุว่า ทางรัฐบาลปักกิ่งยินยอมให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดสามารถฉายในโรงภาพยนตร์เมืองจีนได้เพิ่มขึ้นอีก 14 เรื่องต่อปี โดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็นภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติหรือ IMAX เท่านั้น เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดโควตาให้ภาพยนตร์ต่างชาติสามารถเข้าฉายได้ 20 เรื่องต่อปี

นอกจากนี้ สถิติยังชี้ให้เห็นว่าค่ายหนังจากสหรัฐฯ ยังยึดครองส่วนแบ่งรายได้ราวร้อยละ 25 บนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 จากเดิมที่มีส่วนแบ่งร้อยละ 17.5

ในปี 2555 มีภาพยนตร์จีนเพียง 3 เรื่องเท่านั้นที่สามารถแทรกตัวเข้าไปเป็น 1 ใน 10 ภาพยนตร์ที่มีรายได้สูงที่สุด โดยเรื่องหนึ่ง คือ Lost in Thailand ภาพยนตร์จีนแนวตลกขบขันที่ถ่ายทำในประเทศไทย ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับที่ 2 ของบ็อกซ์ออฟฟิศจีน ราว 900 ล้านหยวน (ราว 4,500 ล้านบาท) รองจาก ไททานิค 3D ภาพยนตร์รีเมก 3 มิติโดยเจมส์ คาเมรอน ที่ทำรายได้สูงที่สุดถึง 970 ล้านหยวน (ราว 4,850 ล้านบาท)

ขณะที่ภาพยนตร์จีนอีก 2 เรื่องที่สามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ในอันดับท็อปเทนได้ก็คือ อันดับ 3 โปเยโปโลเย ศึกรักหน้ากากทอง (Painted Skin II The Resurrection) ที่ทำรายได้ 720 ล้านหยวน (ราว 3,600 ล้านหยวน) และ อันดับสิบ Back to 1942 ภาพยนตร์จีนโดย เฝิง เสี่ยวกัง ผู้กำกับระดับซูเปอร์สตาร์ของจีนที่ทำรายได้ 360 ล้านหยวน (ราว 1,800 ล้านบาท)

ค่ายหนังจากสหรัฐฯ ดูมีอนาคตมากขึ้นในการจับมือกับค่ายหนังบนจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อเจาะตลาดขนาดมหึมาอย่างประเทศจีน โดยล่าสุดมีการประกาศก่อตั้ง โอเรียนทัล ดรีม เวิร์กส์ (Oriental DreamWorks) ในเซี่ยงไฮ้ โดยเป็นบริษัทร่วมทุน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสตูดิโอหนังในสังกัดของรัฐบาลจีนกับดรีม เวิร์กส์ อนิเมชันของสหรัฐอเมริกา เพื่อผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์เพื่อป้อนตลาดจีนแผ่นดินใหญ่โดยเฉพาะ

ย้อนกลับไปในปี 2554 (ค.ศ.2011) หนังจีนมีสัดส่วนรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศจีนราวร้อยละ 54 ลดลงจากปี 2553 (ค.ศ.2010) ที่ครองสัดส่วนรายได้ราวร้อยละ 56

Top 10 บ็อกซ์ออฟฟิศจีนในรอบปี 2555
1.Titanic 3D ทำรายได้ 970 ล้านหยวน
2. Lost in Thailand – 900 ล้านหยวน
3. Painted Skin: The Resurrection - 720 ล้านหยวน
4. Mission: Impossible - Ghost Protocol – 640 ล้านหยวน
5. The Avengers - 570 ล้านหยวน
6. Life of Pi – 570 ล้านหยวน
7. Men In Black III - 510 ล้านหยวน
8. Ice Age: Continental Drift – 450 ล้านหยวน
9. Journey 2: The Mysterious Island – 370 ล้านหยวน
10. Back to 1942 - 360 ล้านหยวน


ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand ภาพยนตร์จีนแนวตลกขบขันถ่ายทำในประเทศไทย ที่ในปี 2555 ทำรายได้สูงเป็นอันดับที่ 2 ของบ็อกซ์ออฟฟิศจีน ราว 4,500 ล้านบาท) รองจาก ไททานิค 3D หนังฮอลลีวูดรีเมก 3 มิติโดยเจมส์ คาเมรอน


ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง โปเยโปโลเย ศึกรักหน้ากากทอง (Painted Skin II The Resurrection)


ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Back to 1942