รอยเตอร์ส—ยอดเกินดุลการค้าจีนระหว่างเดือนต.ค.ที่ผ่านมา มีอัตราขยายมากสุดในรอบ 45 เดือน ขณะที่การส่งออกทะยานสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่อัตราร้อยละ 11 นับเป็นการขยายตัวที่เกินคาดหมาย ตัวเลขการส่งออกล่าสุดนี้ กอปรด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของภาคอื่น ทำให้ผู้นำจีนยังไม่ต้องรีบร้อนดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวในภาคการค้านี้ ก็มิได้หมายความว่าเศรษฐกิจมังกรฟื้นตัวดีแล้ว กลุ่มนักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่ภาคส่งออกมียอดขยายตัวที่ดีเช่นนี้ เนื่องจากอัตราขยายที่อ่อนเปลี้ยในช่วงเดือนแรกๆของปี และยอดสั่งซื้อสินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาส
รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์จีน นาย เฉิน เต๋อหมิง ยังแสดงความวิตกเกี่ยวกับการวิเคราะห์อัตราขยายตัวการค้าที่สูงนี้ และได้กล่าวว่าแม้การส่งออกของประเทศจีนซึ่งมีขยายเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก กำลังเข้าที่เข้าทาง แต่อุปสงค์ของโลกก็จะยังอ่อนเปลี้ยไปถึงปีหน้า
“การเติบโตในภาคส่งออกจากเดือนม.ค.ถึงเดือนต.ค. ที่ระดับกว่าร้อยละ 6 ดังนั้นเป็นเรื่องยากลำบากที่จะบรรลุถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่เราก็จะพยายาม แนวโน้มใน 2-3 เดือนข้างหน้า น่ากังวลมาก และอุปสรรคจะยังคงดำเนินต่อไปถึงปีหน้า” รัฐมนตรีพาณิชย์ เฉิน เต๋อหมิง กล่าวในที่ประชุมข่าวเมื่อวันเสาร์(10 พ.ย.)
อุปสงค์หรือความต้องการสินค้าส่งออกจีนที่อ่อนเปลี้ยสะท้อนออกมาชัดเจนจากงานแสดงสินค้า “ก่วงตง (กวางตุ้ง) แฟร์” ที่เพิ่งปิดม่านไป งานก่วงตงแฟร์ เป็นงานแสดงสินค้าใหญ่ที่จัดปีละสองหน ธุรกรรมในงานแสดงสินค้าประจำฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ร่วงลงร้อยละ 9.3 จากปีก่อนหน้า
“การที่ภาคส่งออกเดือนต.ค.กระเตื้องขึ้น เป็นเพราะปัจจัยยอดสั่งซื้อสินค้าสำหรับเทศกาลคริสต์มาส อย่างไรเสีย ก็ยังมิอาจวางใจได้ ต้องจับตามองการส่งออกในเดือนต่อๆไป เนื่องจากอุปสงค์ในยุโรปและในสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัวดี” หวัง หาน นักวิเคราะห์ แห่ง Industrial Securities ในเซี่ยงไฮ้ กล่าว
ทั้งนี้ ในวันศุกร์(9 พ.ย.) ศุลกากรแถลงตัวเลขการส่งออกเดือนต.ค. โตที่ระดับร้อยละ 11.6 จากปีก่อนหน้า จัดเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดนับจากเดือนพ.ค. และเกินระดับคาดหมายร้อยละ 9
ขณะเดียวกัน ภาคนำเข้ายังดูซึมๆ ด้วยอัตราขยายร้อยละ 2.4 พอๆกับอัตราขยายในเดือนก.ย.แต่ก็ที่ต่ำกว่าระดับคาดหมายร้อยละ 3.1
ตัวเลขต่างๆในภาคการส่งออกขณะนี้ยังดูผสมผสาน โดยตัวเลขการส่งออกไปยังสหรัฐฯ กระเตื้องขึ้นในเดือนต.ค.เทียบกับเดือนก.ย. แต่การส่งออกไปยังยุโรปยังตกลงเทียบกับช่วงต้นปี นับเป็นการตกลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ห้า แต่ก็เป็นยอดลดลงที่น้อยที่สุดจากเดือนมิ.ย.
ยอดนำเข้าวัตถุดิบตกแรงสุดในรอบ 3 ปี
และที่น่าสนใจในภาคการค้าคือ การนำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งเป็นซับพลายวัตถุดิบรายใหญ่สุดของจีน ลดลง ที่ระดับร้อยละ 21.8 นับเป็นการตกที่แรงที่สุดจากเดือนม.ค.2552 มูลค่าการนำเข้าก็น้อยสุดนับจากเดือนก.พ.2554
กลุ่มนักวิเคราะห์ชี้ว่า การซื้อขายถ่านหินและสินแร่เหล็กจากแดนจิงโจ้ อาจเบาบางลงเพราะปัจจัยเทศกาลวันหยุดยาวในเดือนต.ค. แต่ตัวเลขก็ตอกย้ำถึงความน่าวิตกและไม่แน่นอนของภาคการค้า
ทั้งนี้รัฐบาลจีนมีนโยบายผลักดันให้การบริโภคภายในประเทศ เป็นปัจจัยหลักในการช่วยกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจ แทนที่การส่งออกและการลงทุน ขณะเดียวกันคู่ค้ารายหลักของจีนก็ต้องการให้จีนนำเข้ามากขึ้น เพื่อแก้ไขความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก
ขณะนี้จีนยังพยายามตัดลดบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ให้อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.6 ของจีดีพีในปีนี้ จากระดับร้อยละ 10.6 ในปี 2550 และให้เหลือต่ำกว่าร้อยละ 4 ตามที่ผู้นำในวอขิงตันคาดหวัง แต่แล้ว ยอดเกินดุลการค้าเดือนต.ค.ก็ดีดตัวถึง 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พองตัวมากสุดนับจากเดือนม.ค.2552 และสูงเกินกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 26,900 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจตัวตัวอื่นๆ บ่งชี้แนวโน้มที่ดีว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดกำลังจบสิ้น แม้การฟื้นตัวยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก รายงานดัชนีสั่งซื้อสินค้าที่โรงงาน หรือ PMI 2 ชุด ที่แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แสดงว่ายอดสั่งซื้อกระเตื้องขึ้นในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวันศุกร์(9 พ.ย.) ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมังกรกำลังดีขึ้น หลังจากที่อัตราเติบโตดิ่งลงต่อเนื่องมา 7 ไตรมาส
