เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - บรรดาผู้ผลิตจีนต่างหดหู่นั่งดูการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น้อยลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ในเดือนต.ค. แต่ก็เริ่มมองเห็นลางดีเมื่อการผลิตเริ่มปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่สาม ตลอดจนปริมาณการสั่งจองสินค้าเพิ่มขึ้นนับแต่เดือนเม.ย. ถือว่าเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่เข้มแข็ง
ผลการสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของ HSBC ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดกิจกรรมความเคลื่อนไหวภาคอุตสาหกรรมของจีน เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบสามเดือนอยู่ที่ 49.1 ในเดือนต.ค. นับเป็นมาตรวัดค่าเศรษฐกิจจีนที่เผยล่าสุด หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนเผยตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีว่าตกต่ำกว่าคาดการณ์ในไตรมาสที่สามของปี แม้ว่าเดือนที่ผ่านมาจะเคยมีสัญญาณว่าจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
การเพิ่มขึ้นของดัชนีพีเอ็มไอ กอปรกับการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งจองการผลิตสินค้าใหม่และปริมาณการผลิต ตลอดจนยอดการส่งออกที่ดีดตัวขึ้น สินค้าคงคลังและราคาสินค้าที่มีการขยับปรับเปลี่ยน ทั้งหมดนี้ถือเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ดีของมหาอำนาจเศรษฐกิจลำดับสองของโลกอย่างจีน
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจขยับอย่างช้า ๆ เพราะค่าพีเอ็มไอยังต่ำกว่า 50 นักวิเคราะห์อธิบายว่า ค่าดัชนีพีเอ็มไอ มีเส้นแบ่งระหว่างภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งและหดตัวที่ระดับ 50 โดยหากเคลื่อนไหวสูงกว่าระดับ 50 แสดงถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ และหากหดตัวดัชนีจะลดไปต่ำกว่าระดับ 50
"ค่าพีเอ็มไอที่ขยับตัวสูงขึ้นในเดือนต.ค. ถือว่าสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นเดือนที่สอง เนื่องมาจากยอดการสั่งจองการผลิตที่ค่อยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งถือว่าสูงในรอบ 6 เดือนทีเดียว อย่างไรก็ดี ปัจจัยท้าทายภายนอกยังคงน่าวิตกอยู่บ้าง อาทิ ความกดดันในตลาดแรงงานที่ยังคงไม่ปรับตัวดีขึ้น" ฉีว์ หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ใน HSBC เผยในแถลงการณ์ฯ
การประกาศค่าพีเอ็มไอในครั้งนี้ ตามหลังการประกาศผลสำรวจของรอยเตอร์สเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และตามหลังการประกาศค่าจีดีพีเมื่อสัปดาห์ที่่แล้วของรัฐบาลจีน ซึ่งเผยคาดการณ์ทางเศรษฐกิจแดนมังกรว่าการเติบโตจะมีการกระเตื้องขึ้นในระดับกลาง ในไตรมาสสี่ของปี อยู่ที่ 7.7 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวก็ไม่อาจยกค่าเฉลี่ยของตัวเลขทั้งปีให้เป็นไปตามความคาดหมายเดิมได้
นักวิเคราะห์สากลพากันเชื่อว่า ปักกิ่งจะยังคงนโยบายเน้นการเติบโตเป็นปีสุดท้าย กระทั่งการเปลี่ยนถ่ายอำนาจผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในรอบสิบปีที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้านี้
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ภาคการส่งออกของจีนที่ดีดตัวดีขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา กอปรกับการผลิตในโรงงาน การลงทุนและการค้าปลีกค่อย ๆ ขยับดีขึ้นตามคาดการณ์ แสดงให้เห็นว่านโยบายทางเศรษฐกิจเริ่มสัมฤทธิ์ผลบ้างแล้ว และสิ่งที่ดันการกระเตื้องในช่วงนี้ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นโครงการเมกะโปรเจ็คด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่อนุมัติไปเมื่อเดือนก.ย.ด้วยงบประมาณ 157,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ฝ่ายบรรดาธนาคารจีนก็กำลังดำเนินการสร้างยอดการกู้ยืมใหม่คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์ ถือว่ายอดปีนี้มากกว่าที่รอยเตอร์สเคยทำสำรวจไว้เมื่อเดือนก.พ. ซึ่งระบุว่าอยู่ที่ 8 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะไม่มีการตัดลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ส่วนการลงทุนทางตรงต่างประเทศในจีนยังคงตกต่ำต่อเนื่องนับแต่วิกฤติทางการเงินโลกเป็นต้นมา รัฐมนตรีพาณิชย์จีนได้เผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จีนมียอดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ 83,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างเดือนม.ค.ถึงก.ย. ทว่าในเดือนก.ย. ยอดเงินทุนหมุนเวียนกลับลดลงถึง 6.8 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี คิดเป็น 8,400 ล้านเหรียญฯ
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนต่อเนื่อง 7 ไตรมาสในช่วงไตรมาสสาม ก.ค.-ก.ย. นั้น ถือว่าไม่เป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลจีนคาดไว้แต่เดิม สำนักสถิติแห่งชาติจีนเผยจีดีพีไตรมาสสามปีนี้อยู่ที่ 7.4 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วง