เอเยนซี - สถาบันการเงินของจีนได้เริ่มกลับมาปล่อยเงินกู้ ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา หลังสภาวะตลาดฯ เริ่มคลายความร้อนแรง
ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในเว็บไซต์ (23 ต.ค.) ว่า สถาบันการเงินของจีนได้เริ่มกลับมาปล่อยเงินกู้ ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา หลังสภาวะตลาดฯ เริ่มคลายความร้อนแรง โดยในไตรมาส 3 นี้ สถาบันการเงินได้ปล่อยกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 11.74 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว และระหว่างเดือน ก.ค. - ก.ย. สถาบันการเงินได้ปล่อยกู้ 4.16 แสนล้านหยวน ให้กับผู้ซื้อบ้านกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับสามเดือนก่อนหน้า มีสัดส่วนการกู้เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยภาคประชาชนมากที่สุด ในสัดส่วนร้อยละ 60 หรือ 1.3 แสนล้านหยวน ขณะที่การกู้เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ในเดือนปลายเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10.9 จากร้อยละ 10.3 เมื่อเดือนมิ.ย. ไตรมาส 2
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนกำลังมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นำมาใช้ ยังทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจจะผลักดันให้สกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้น เช่นเดียวกับผลักดันเงินทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ประเทศจีน
รายงานข่าวกล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของยอดปล่อยกู้แสดงให้เห็นการฟื้นตัวของตลาดซื้อขายบ้าน จนมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาล ผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มต่างๆ อาทิ ข้อกำหนดสำหรับการซื้อบ้านมากกว่า 2 หลัง แต่กระนั้น ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม แม้สภาวะเงินเฟ้อในเดือนก.ย. จะชะลอตัวลงแล้วก็ตาม โดยให้เหตุผลว่า หากผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ก็จะทำให้ยากในการกำจัดสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง และยังจะส่งผลให้ราคาบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก และจะไม่สามารถแก้ปัญหาเงินเฟ้อในระยะยาว
ทั้งนี้ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ใช้วิธีเพิ่มการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคจำนวนมาก พร้อมกับที่รัฐบาลท้องถิ่นได้ปล่อยแผนการลงทุนต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังแก้ปัญหาราคาบ้านแพง ด้วยการอนุมัติงบประมาณไปแล้วกว่า 8.20 แสนล้านหยวน สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้ต่ำ ช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้