xs
xsm
sm
md
lg

หลากหลายรสชาติแห่งชีวิตในการเดินทางสัปดาห์ทองวันหยุดแดนมังกร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริเวณหน้าด่านทางด่วนสายเซี่ยงไฮ้-คุนหมิง มีสภาพรถติดยาวเหยียด คาดว่าน่าจะมีนักเดินทางกว่า 86 ล้านคนทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. (ภาพซีอาร์ไอออนไลน์)
ASTVผู้จัดการออนไลน์/เอเยนซี ชาวจีนทั่วประเทศต่างยินดีปรีดา ที่ปีนี้ (2555) ได้อิ่มเอมและพักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาสัปดาห์ทอง (หวงจินโจว 黄金周) ซึ่งหยุดต่อเนื่องตั้งแต่วันไหว้พระจันทร์ไปจนถึงช่วงวันชาติจีน (30 ก.ย. - 7 ต.ค.) รวมทั้ง รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายไม่เก็บค่าทางด่วนอีก ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่มีการงดเก็บค่าทางด่วนราคาสูงลิบในช่วงวันหยุดสำคัญ

ทว่า ในช่วงเวลาแห่งความสุข กลับเกิดเหตุโศกนาฎกรรมเลวร้ายหลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาเกิดเหตุไฟไหม้รถทัวร์ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ หลังชนรถบรรทุก มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และในคืนวันเดียวกันนั้นเอง เรือเฟอร์รี่ชนกันในฮ่องกง เสียชีวิตกว่า 38 ราย นอกจากนี้ ชาวจีนจำนวนมหาศาลยังต้องเผชิญกับวิบากกรรมรถติดชนิดวินาศสันตะโรบนทางด่วน กระทั่ง ถนนหลายสายกลายเป็นที่ทิ้งขยะและส้วมกลางแจ้ง
สภาพเศษขยะมากมายปลิวว่อนบนทางด่วนสายสำคัญทั่วจีน ภาพเมื่อ 30 ก.ย. - 1 ต.ค. (ภาพเอเยนซี)
ฉาก 1: ขยะกองโตเกลื่อนทางด่วน

ขณะที่รถยนต์จำนวนมหาศาลแออัดบนทางด่วน ผู้คนไม่วายที่จะหยิบของกินต่างๆ มารับประทานฆ่าเวลา แต่หลังจากที่พวกเขาอิ่มหนำสำราญแล้ว กลับทิ้งขยะไว้ให้ดูต่างหน้า จากถนนที่สะอาดสะอ้าน กลายเป็นภาพไม่น่ามอง ไม่ว่าจะเป็น ขวดน้ำ กล่องคุ๊กกี้ ก้นบุหรี่ เปลือกเมล็ดแตงโม เป็นต้น และไม่ว่ารถจะขยับไปได้เท่าใด ก็จะพบขยะกองโต ณ ที่นั้น ผู้สื่อข่าวยังพบเห็นเด็กน้อยยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถ แล้วโยนเปลือกกล้วยลงพื้นถนนอีกด้วย
จากเหตุผู้คนส่วนมากถ่ายหนัก-เบาลงบนทางด่วน ทางรัฐบาลท้องถิ่นเมืองเซี่ยงไฮ้ จึงนำส้วมฉุกเฉินมาตั้งไว้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน เมื่อวันที่ 1 ก.ย. (ภาพเอเยนซี)
ฉาก 2: ถ่ายหนักถ่ายเบา เรี่ยราดกองถนน

ผู้สื่อข่าวจีนรายงาน เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะผ่านไปบนทางด่วนใด เช่น ทางด่วนรอบเมืองหนันจิง และเส้นทางระหว่างทางด่วนเซี่ยงไฮ้-หนันจิง และทางด่วนซูโจว-จยาซิ่ง-หังโจว ซึ่งมีระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร ต่างก็ไม่มีจุดบริการประชาชนสักแห่งเดียว แถมผู้คนยังติดอยู่บนถนนยาวนานกว่า 5 - 6 ชั่วโมง ทำให้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กต้องอุจจาระปัสสาวะกันข้างทางโดยปริยาย หากเกิดมีลมโชยมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกลิ่นเลย
กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรถยนต์หลายคัน ใช้ช่องทางฉุกเฉินบนทางด่วนสายปักกิ่ง-ฮ่องกง-มาเก๊า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. (ภาพเอเยนซี)
ฉาก 3: ช่องทางฉุกเฉินกลายเป็น “เลนวิ่งฉิวสุด”

ชาวจีนต่างแห่แหนใช้ช่องทางฉุกเฉินบนทางด่วน ซึ่งถือเป็นเลนที่วิ่งได้เร็วสุดกว่าช่องทางธรรมดา แต่ปัญหากลับมาตกอยู่ที่หน่วยกู้ภัย ผู้สื่อข่าวเผยว่า รถกู้ภัยคันหนึ่งติดอยู่บนทางด่วนเซี่ยงไฮ้-หนันจิง หัวหน้ากู้ภัยให้สัมภาษณ์ว่า “ข้างหน้ามีรถเสีย พวกเราจะต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้เลย ถ้าหากไปช่วยรถคันดังกล่าวได้ การจราจรก็จะคล่องขึ้น”

ตามกฎจราจรของจีน หากมีผู้ใดฝ่าฝืนใช้ช่องทางฉุกเฉิน จะต้องถูกปรับ 200 หยวน แต่ในช่วงเวลานี้ สามารถพบเห็นการกระทำนี้เกิดขึ้นทั่วไป จนตำรวจไม่อาจจะดูแลได้ทั่วถึง

ฉาก 4: แผงลอยเปิดเรียงรายเลียบทางด่วน

ด้วยระยะเวลาอันยาวนานที่เสียไปกับการจราจรแออัดบนทางด่วน ผู้คนต้องซื้อหาของกินของใช้ ชาวบ้านท้องถิ่นหัวใสจึงพากันเปิดร้านค้าแผงลอยบริเวณเลียบทางด่วน บ้างก็ขายโจ๊กปาเป่า (หรือโจ๊กล่าปา โดยใส่ถั่วชนิดต่างๆ เม็ดบัว และพุทราจีน เป็นต้น) ชามละ 10 หยวน และของกินอื่นๆ ของกินต่างๆ สามารถขายหมดภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง
ชายชาวก่วงโจว 2 คน เลือกที่จะพายเรือกลับบ้าน แทนที่จะขับรถฝ่ารถติดบนทางด่วน เมื่อวันที่ 30 ก.ย. (ภาพเอเยนซี)
ฉาก 5: ชายชาวก่วงตง 2 คน ลงทุนพายเรือกลับบ้าน เลี่ยงรถติดบนทางด่วน

เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพการจราจรที่ติดขัด นายเหอและนายหลี่ สมาชิกชมรมเรือแคนนู ตัดสินใจพายเรือแคนนูคู่ใจกลับบ้านเกิดเมืองก่วงโจว (กวางเจา) ตั้งแต่วันไหว้พระจันทร์ (30 ก.ย.) จนถึงเช้ามืดวันชาติจีน (1 ต.ค.) ที่ผ่านมา โดยเริ่มจากต้นแม่น้ำเจิง ในตำบลเจิ้งกั่ว เมืองเจิงเฉิง มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ลัดเลาะไปตามแม่น้ำตงเจียงและปากแม่น้ำจูเจียง ใช้เวลา 15 ชั่วโมงครึ่ง ระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร

ระหว่างทาง พวกเขาทั้งสองยังได้ชมจันทร์ พร้อมกล่าวว่า “พายเรือกลับก่วงโจว รถไม่ติดเลยซักนิด!”
หญิงชาวจีนที่ตั้งครรภ์ 6 เดือน ต้องคลอดก่อนกำหนด แต่เนื่องจากบนทางด่วนในเมืองซูโจวรถติดสาหัส กว่าจะส่งถึงโรงพยาบาล ก็ต้องสูญเสียลูกน้อยไป เมื่อวันที่ 30 ก.ย. (ภาพเอเยนซี)
ฉาก6: หญิงจีนคลอดก่อนกำหนดบนทางด่วน กว่าจะถึงรพ.ก็สายไปสำหรับลูกน้อยแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นายจี๋พาภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ราว 6 เดือนกว่า ขับรถจากเมืองคุนซานในมณฑลเจียงซู ไปยังเมืองหยังโจว เพื่อฉลองวันเกิดให้ญาตินั้น จู่ๆ ภรรยามีอาการน้ำคร่ำแตก ต้องคลอดก่อนกำหนด แต่การจราจรติดขัดมาก กว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวภรรยาของเขาส่งถึงโรงพยาบาล ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตลูกน้อยไว้ได้

นายจี๋กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ปกติถ้าขับรถไปหยังโจวใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น แต่มาวันนี้รถติดมาก ออกมา 3 ชั่วโมง ขับไปได้แค่ 25 กิโลเมตรเอง ผมไม่เคยพบเจอสภาพรถเช่นนี้ จำนวนรถมากกว่าช่วงวันหยุดปีก่อนๆ ถึงสองเท่า”
เด็กน้อยเฝ้ารออย่างไร้ความหวัง เนื่องจากบนทางด่วนปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ รถติดแน่นขนัด เมื่อวันที่ 30 ก.ย. (ภาพไชน่านิวส์)
ฉาก 7: คนไข้ต่างถิ่นยกโขยงมาหาหมอในปักกิ่ง รถโล่ง แถมฟรีค่าทางด่วน

บริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาลในกรุงปักกิ่ง เต็มไปด้วยป้ายทะเบียนรถของมณฑลซานตง เหอเป่ย มองโกเลียใน เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าคนไข้จากเมืองต่างๆ พากันขับรถมา เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องจ่ายค่าทางด่วนที่แพงลิบลิ่ว สามารถหลีกหนีจากผู้คนที่ไปท่องเที่ยว และโรงพยาบาลในปักกิ่งก็ไม่ได้ปิดทำการ

วานนี้ (3 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวไปสำรวจโรงพยาบาลเด็กแห่งกรุงปักกิ่ง และสัมภาษณ์คุณพานที่พาลูกมาหาหมอ เขากล่าวว่า “ผมรีบออกจากบ้านที่เมืองเหิงสุ่ยในมณฑลเหอเป่ย มาตั้งแต่กลางดึก ใช้ทางด่วนสายต้าชิ่ง-ก่วงโจว ถนนโล่งมาก จนมาถึงโรงพยาบาลเมื่อตอน 04.00 น. มาในช่วงเวลานี้สะดวกสบายมาก”

นอกจากนี้ นางเฉิงที่มาโรงพยาบาลเสียเหอ เผยว่า “พอฉันได้ยินว่าจะไม่เก็บค่าผ่านทางช่วงนี้ พวกเราทั้งครอบครัวก็เลยขับรถจากเสิ่นหยังมาที่ปักกิ่ง ซึ่งค่าทางด่วนไป-กลับสูงถึง 600 หยวน พอดิฉันหาหมอเสร็จ ก็จะได้พาลูกไปเที่ยวรอบปักกิ่งซัก 2 วัน”

รัฐบาลจีนถือโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงชะลอตัวด้วยการงดการเก็บค่าผ่านทางระหว่างช่วงวันหยุดยาวสองเทศกาลระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-7 ต.ค. สำหรับรถยนต์ที่โดยสารไม่เกิน 7 คน และรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น คลื่นนักเดินทางเริ่มเคลื่อนทัพกันในคืนวันที่ 30 ก.ย.นับเป็นการเดินทางครั้งประวัติการณ์ด้วยจำนวนนักเดินทางเกือบ 86 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 13.3 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าการเดินทางในช่วงหยุดยาววันชาติจีนเมื่อปีที่ผ่านมา (2554)
รถชนอัดก็อปปี้กันกว่า 9 คัน บริเวณทางด่วนเมืองรุ่ยอัน ในมณฑลเจ้อเจียง ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 ต.ค. (ภาพเอเยนซี)

กำลังโหลดความคิดเห็น