เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสท์/เอเยนซี--หลังเกิดเหตุเรือเฟอร์รี่ 2 ลำชนกันทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกงเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ต.ค.) คร่าชีวิตไปถึง 38 ศพ กระทั่งเมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวกัปตันและลูกเรือรวม 7 คนจากทั้งสองลำ ขณะที่ผู้ว่าฯ ฮ่องกงประกาศไว้อาลัย 3 วัน พร้อมสัญญาว่าจะสอบสวนอย่างละเอียด
นายเหลียง เจิ้นอิง ผู้นำสูงสุดแห่งเกาะฮ่องกง ประกาศ ไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากโศกนาฎกรรมดังกล่าวเป็นเวลา 3 วัน (4 - 6 ต.ค.) และทั่วทั้งฮ่องกงจะลดธงครึ่งเสา
เหลียงยังให้คำมั่นว่า จะยังคงค้นหาผู้ที่สูญหายทั้งทางอากาศและในทะเล บริเวณเกาะหนันยา (หรือ Lamma Island) ต่อไป และตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุเรือคาตามารัน “ซี สมูธ” ชนเข้ากับเรือเฟอร์รี่ “หนันยา 4” ใกล้กับอ่าวหรงซู่ (Yung Shue Wan) เกาหนันยา ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
“ไม่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮ่องกงหรือไม่ แต่บนเรือมีคนนับร้อย และทุกๆ ชีวิตล้วนมีค่า ทางรัฐบาลจะใช้ทุกวิถีทาง ซึ่งเราต้องรักษาทุกชีวิตเอาไว้ให้ได้” เหลียงกล่าว
ลูกเรือจากทั้งสองลำ ซึ่งมีอายุระหว่าง 50 - 63 ปี ถูกประกันตัวออกมา หลังจากถูกจับกุมในข้อหาทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายในทะเล โดยบทลงโทษต้องจำคุก 4 ปี และปรับเป็นเงิน 2 แสนดอลลาร์ฮ่องกง (หรือราว 798,000 บาท)
หนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุม เป็นกัปตันของเรือเฟอร์รี่ “หนันยา 4” วัย 56 ปี มีประสบการณ์การเดินเรือมากว่า 30 ปี โดยถูกจับขณะพักรักษาตัวอาการแขนหักและกระดูกซี่โครงแตกที่โรงพยาบาลควีนแมรี่
ตามรายงาน ในจำนวนผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 38 ราย มีเด็ก 5 ราย และสามารถระบุตัวตนได้เพียง 16 รายเท่านั้น นอกจากนี้ ทางบริษัทฮ่องกง อิเล็กทริค ซึ่งมหาเศรษฐีลี กาชิงเป็นเจ้าของ ยืนยันเมื่อคืนวานนี้ว่ามี 7 รายเป็นพนักงานของบริษัทฯ
“แน่นอนว่าผมเสียใจ ผมบินออกจากฮ่องกงไปเมื่อคืนวาน แต่เช้าวันนี้ หลังจากทราบเรื่อง ผมก็ทิ้งทุกอย่างแล้วรีบกลับมา ไม่จำเป็นที่จะต้องถามถึงความรู้สึก เพราะทุกๆ คนต่างเศร้าโศก” ลีให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว หลังจากที่ไปเยี่ยมผู้รอดชีวิต
หลุยส์ เซโต กา ซิง ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมทางทะเลและการเดินเรือ สถาบันวิศวกรรมแห่งฮ่องกง เผยว่า เรือทั้งสองลำ ชนกันด้านซ้ายลำเรือ หรือบริเวณด้านข้างท่าเรือ ชี้ให้เห็นว่า กัปตันของเรือทั้งสองไม่ได้พยายามหักหลบกันและกันเลย และสายเกินไปที่จะหลบกันพ้น รวมทั้ง ยังทำให้หัวเรือฯ ซี สมูธ ชนเข้ากับท้ายเรือฯ หนันยา 4
ชาน ยุค วาห์ หัวหน้าด้านการศึกษาทางทะเล สถาบันสมุทรศาสตร์ฮ่องกง กล่าวว่า ภายใต้กฎหมายทางทะเล เรือต่างๆ ควรให้ทางกับเรือลำอื่นทางด้านขวา หรือทางกราบขวาของเรือ ในกรณีที่เรือกำลังหักมุมเข้าหากัน
แหล่งข่าวจากรัฐบาลเผยว่า อุบัติเหตุครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้น หากลูกเรือของทั้งสองลำให้ความสนใจกับการจราจรทางทะเลโดยสายตาและเรดาร์
ผู้นำมังกรส่งสารแสดงความเสียใจ
วานนี้ (2 ต.ค.) นายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดี นายเวิน จยาเป่า นายกรัฐมนตรี และนายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดี แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ฯ ซึ่งถือเป็นท่าทีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมทั้ง เร่งให้ฮ่องกงช่วยชีวิตผู้สูญหายและอำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ รัฐบาลกลางยังขอให้มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ที่อยู่ใกล้เคียง ส่งเรือกู้ภัย 4 ลำ เพื่อช่วยเหลือตำรวจฮ่องกง
โศกนาฎกรรมครั้งร้ายแรงนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.23 น. วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เรือสองลำชนกันบริเวณอ่าวหรงซู่ ใกล้กับเกาะหนันยา โดยเรือลำหนึ่งคือ เรือเฟอร์รี่ หนันยา 4 ของบริษัทฮ่องกง อิเล็กทริค โดยสารพนักงานและครอบครัว รวมทั้งลูกเรือ อย่างน้อย 124 คน เพื่อแล่นชมการจุดพลุเนื่องในวันชาติจีน (1 ต.ค.)
บริษัทฮ่องกง อิเล็กทริค ก่อตั้งเมื่อปี 2432 เป็นบริษัทในเครือพาวเวอร์ แอสเซทส์ โฮลดิงส์ของนายลี กาชิง ซึ่งได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง นอกจากนี้ มูลนิธิลี กาชิง จะมอบเงิน 30 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (หรือราว 119.7 ล้านบาท) ให้กับบรรดาครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมทั้ง บริษัทฯ จะมอบเงิน 200,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (หรือราว 798,000 บาท) ให้แต่ละครอบครัว เพื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน
ส่วนเรืออีกลำหนึ่งคือ เรือคาตามารัน ซี สมูธ ของบริษัทฮ่องกงและเกาลูน เฟอร์รี่ โฮลดิงส์ (Hong Kong and Kowloon Ferry Holdings: HKKF) โดยบริษัทฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2545 ให้บริการเรือข้ามฟากระหว่างเกาะฮ่องกงและอ่าวหรงซู่ (Yung Shue Wan) ทางตอนเหนือของเกาะหนันยา และอ่าวสัวกู่ (Sok Kwu Wan ) ทางตอนใต้ของเกาะฯ
น่านน้ำเกาะฮ่องกงถือเป็นเส้นทางเดินเรือที่แออัดที่สุดในโลก และเกาะหนันยาตั้งอยู่ใกล้กับเกาะฮ่องกงมากที่สุด สำหรับเกาะหนันยา หรือ Lamma Island เป็นเกาะที่ใหญ่อันดับสามของฮ่องกง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกง มีประชากรอาศัยอยู่ราว 6,000 คน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่รุนแรงมากเช่นนี้เกิดขึ้นในฮ่องกงน้อยครั้ง เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่รุดหน้าที่สุดในเอเชีย และพัฒนาระบบสาธารณะให้อยู่ในอันดับต้นๆ โดยอุบัติเหตุทางเรือที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2514 จากเหตุพายุไต้ฝุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 88 ราย