เอเจนซี -จีนขวางเวียดนาม ซึ่งประกาศบังคับใช้กฎหมายทางทะเลฉบับใหม่เหนือหมู่เกาะข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ โดยล่าสุดพญามังกรอนุมัติเห็นชอบโครงการจัดตั้งเมืองสำหรับการบริหารปกครองหมู่เกาะเหล่านี้ ซ้อนทับกันเสียเลย ทั้งนี้ สื่อฮ่องกง เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 มิ.ย.)
ประกาศิตของรัฐบาลจีนเกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่นายเหงียน วัน โท เอกอัคราชทูตเวียดนามประจำกรุงปักกิ่งถูกนายจาง จี่จวิ้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกตัวไปพบ เพื่อประท้วงที่รัฐบาลเวียดนามออกกฎหมายบริหารปกครองหมู่เกาะพาราเซลและสแปรตลีย์
กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนระบุว่า มีการตั้งชื่อเมืองใหม่ ซึ่งมีระดับเทียบเท่ากับจังหวัดว่า ซานซา เพื่อบริหารปกครองและพัฒนาหมู่เกาะสแปรตลีย์ พาราเซล และแม็กเคลสฟิลด์แบงก์ ตลอดจนน่านโดยรอบหมู่เกาะเหล่านี้
โฆษกของกระทรวงยังกล่าวด้วยว่า จีนเป็นคนแรก ที่ค้นพบและตั้งชื่อแนวโขดหินโสโครก เกาะเล็กเกาะน้อย และน่านน้ำโดยรอบของเกาะทั้งสาม อีกทั้งได้รักษาอธิปไตยเหนือบริเวณดังกล่าวมานานแล้ว
ด้านนักวิเคราะห์มองความเคลื่อนไหวของพญามังกรครั้งนี้ว่า เป็นการตอบโต้เวียดนาม อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงการขัดขวางรัฐบาลกรุงฮานอยในเชิงสัญลักษณ์เสียมากกว่าการลงมือเป็นรูปธรรม
“แต่ก็เป็นการปูทางสำหรับการส่งคนของจีนไปบริหารจัดการหมู่เกาะเหล่านั้นมากขึ้นในอนาคต” นายตู้ จี่เฟิง ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำสถาบันรัฐศาสตร์ของจีนกล่าว
ขณะที่นายจ้วง กั๋วถู ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาของมหาวิทยาลัยซย่าเหมินเห็นว่า เมืองซานซาจะอำนวยความสะดวกให้แก่จีนในการอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะและน่านน้ำในทะเลจีนใต้ต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสฯ (21 มิ.ย) สมัชชาแห่งชาติของเวียดนามได้รับรองร่างกฎหมาย ซึ่งระบุให้เรือของต่างชาติทุกลำ ที่แล่นผ่านน่านน้ำแห่งความขัดแย้งต้องแจ้งให้ทางการเวียดนามทราบ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนจึงเรียกเอกอัคราชทูตเวียดนามมาประท้วง โดยระบุว่า กฎหมายทางทะเลของเวียดนาม ที่ประกาศอธิปไตยและเขตอำนาจรัฐเหนือหมู่เกาะพาราเซลและสแปรตลีย์เป็นการละเมิดอธิไตยเหนือดินแดนของจีนอย่างร้ายแรง
นายตู้ ผู้เชี่ยวชาญยังมองด้วยว่า การใช้ช่องทางกฎหมายเพื่ออ้างอธิปไตยครั้งนี้อาจเป็นการเคลื่อนไหวในเชิงรุกครั้งแรกของเวียดนามก็เป็นได้
จีนยืนยันสำรวจน้ำมันกับต่างชาติในทะเลจีนใต้
สืบเนื่องจากเมื่อวันเสาร์(23 มิ.ย.) วิสาหกิจน้ำมันรายใหญ่ของจีน ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ป หรือซีนุก (China National Offshore Oil Corp) ประกาศเปิดประมูลสำรวจแหล่งนอกฝั่งน้ำมัน 9 บล็อกในทะเลจีนใต้ พร้อมเชิญชวนให้บริษัทต่างชาติเข้าร่วมการประมูล กลุ่มนักวิเคราะห์กล่าวว่า ด้วยเขตที่จีนจะเข้าไปสำรวจน้ำมันนี้เป็นพื้นที่พิพาทเรื่องกรรมสิทธิเหนือดินแดนกับประเทศเวียดนาม ดังนั้น โครงการฯนี้จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์จีน-เวียดนามแย่ลง
ผู้สื่อข่าวได้ถามเกี่ยวกับปัญหาโครงการฯดังกล่าวระหว่างการประชุมข่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันอังคาร(26 มิ.ย.) โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน นาย หง เล่ย ได้ตอบว่า การประกาศเปิดการประมูลพื้นที่สัมปทานสำรวจน้ำมันของซีนุก เป็นการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท โดยสอดคล้องกับกฎหมายจีนและการปฏิบัติระหว่างประเทศ และสำหรับข้อพิพาทหรือความขัดแย้งใดในทะเลจีนใต้ ฝ่ายจีนยังคงมีจุดยืนเดม ไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะคลี่คลายความขัดแย้งผ่านการเจรจา อีกทั้งจะผลักดันการพัฒนาร่วมและความร่วมมือต่างๆ
สำหรับการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้กับเวียดนาม ทั้งสองประเทศได้มีข้อตกลงร่วมกันในหลายจุด จีนหวังว่าเวียดนามจะเคารพข้อตกลงร่วมนี้ ไม่ทำให้ปัญหาซับซ้อนแย่ลง
เวียดนามกระตุ้นหนวดมังกร ปูธงชาติบนสแปรตลีย์
ในวันอังคาร (26 มิ.ย.) เว็บไซต์ข่าวของรัฐบาลจีน ‘หวนชิวหวั่ง’ อ้างสื่อของรัฐเวียดนามเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ชาวเวียดนามใช้แผ่นกระเบื้องต่อเป็นภาพธงชาติเวียดนามขนาดใหญ่บนเกาะสแปรตลีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะหินปะการังของหมู่เกาะสแปรตลีย์ โดยชี้ว่าเป็นธงชาติเวียดนามทีใหญ่ที่สุดในโลก
ฝ่ายจีนระบุว่าแผ่นที่ยุคราชวงศ์หยวน หมิง และชิง ระบุดินแดนเกาะสแปรตลีย์แห่งนี้ อยู่ภายในพรมแดนจีน ทั้งมีหน่วยการปกครองบนดินแดน ทั้งนี้ ชาวเวียดนามกำลังนำแผ่นกระเบื้องมาต่อภาพธงชาติเวียดนามขนาดใหญ่บนเกาะสแปรตลีย์ เป็นการประกาศอธิปไตยเหนือเกาะฯดังกล่าว ขณะที่ฝ่ายจีนยืนกรานเกาะสแปรตลีย์อยู่ภายใต้อธิปไตยจีนอย่างมิอาจโต้แย้งเช่น