เอเจนซี--ยักษ์ใหญ่แบรนด์หรูแห่งฝรั่งเศส หลุยส์ วิตตอง หรือ LV บุกตลาดจีนครั้งใหญ่ เปิดร้านสาขาขนาดใหญ่ที่สุดในแดนมังกร ที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยได้เปิดร้านจำหน่ายสินค้าอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันเสาร์(21 ก.ค.)
ขณะนี้จีนได้กลายเป็นตลาดที่เย้ายวนของกลุ่มแบรนด์สินค้าหรูหราฟุ่ยเฟือย ทั้งหลุยส์ วิตตอง กรุ๊ป (LVMH) และจ้าวแบรนด์หรูอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้วที่เศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนเพลี้ย และยุโรปก็จมปลักอยู่ในวิกฤตหนี้
จีนกลายเป็นตลาดสินค้าหรูหราอันดับสามของโลก มูลค่าตลาดอย่างน้อย 160,000 ล้านหยวน นอกจากนี้ยังมีคาดการณ์ระบุว่า ภายในสามปีจีนจะแซงหน้าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ กลายเป็นตลาดสินค้าหรูหราอันดับหนึ่งของโลก ด้วยมูลค่าการบริโภคสินค้าหรูถึง 180,000 ล้านหยวน
จากข้อมูลบริษัทที่ปรึกษา Bain & Company ระบุการคาดการณ์ ตลาดสินค้าหรูในจีนจะขยายตัว 18 เปอร์เซนต์ ถึง 20 เปอร์เซนต์สำหรับปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ล้ำหน้าญี่ปุ่นไปหลายเท่าตัว และนี่ก็คือเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมกลุ่มบริษัทแบรนด์หรูระดับโลกทั้ง LVMH และรายอื่นๆ ต่างวิ่งกันขาขวิดเข้ามาบุกตลาดแดนมังกร และอาจหาญเข้ามาเปิดร้านสาขา LV แห่งใหญ่ที่สุดในประเทศจีนยามที่เศรษฐกิจซึมเซาเช่นนี้
ทว่า ยังมีวิกฤตแอบแฝงอยู่สำหรับแบรนด์หรูอย่าง LV กลุ่มเกาะติดกระแสบริโภคสินค้าหรูหรายุโรป ชี้ว่า ขณะนี้พวกที่รวยจริง ไม่เลือกหลุยส์ วิตตอง ซึ่งจัดเป็นสินค้าแบรนด์หรูที่ “แพร่หลายใช้กันเกร่อ” อีกต่อไป แต่ได้หันมาใช้ แบรนด์หรูอย่างชาแนล(CHANEL) แอร์เมส(Hermes) หรือสินค้าที่ทรงความพิเศษอื่นๆ ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าวได้สร้างความท้าทายใหญ่แก่เหล่านักออกแบบที่หวังเข้ามาขุดทองในตลาดจีน เนื่องจากจีนได้กลายเป็นตลาดสินค้าหรูที่มีอัตราเติบโตเร็วที่สุดในโลก
ปัจจุบัน หลุยส์ วิตตอง มีร้านสาขาในประเทศจีน ราว 38 แห่ง รวมถึงมณฑลก่วงซี (กวางสี) และเขตที่ห่างไกล แต่เมื่อ บริษัทแม่ LVMH ของแบรนด์ LV สยายปีกในตลาดจีน กลับยิ่งสูญเสียบทบาทสัญลักษณ์แห่งความโดดเด่นของตนไป
บริษัทที่ปรึกษาที่ไม่ประสงค์ออกนามรายหนึ่ง กล่าวว่า “ในจีน ยี่ห้อ LV ถูกมองเป็นสินค้าของกลุ่มคุณป้า คุณน้าใช้กันไปแล้ว” ซึ่งสวนทางกับเจตจำนงที่แท้ของสินค้าแบรนด์หรู อันได้แก่ “โดดเด่นไม่เหมือนใคร คนทั่วไปมิอาจเอื้อมถึง”.
ภาพบรรยากาศวันเปิดจำหน่ายสินค้าของร้านสาขา หลุยส์ วิตตอง แห่งใหญ่สุดในประเทศจีน ที่นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2555 (ภาพ เอเจนซี)