มะกันจับมือมังกรค้าขาย มีแต่เฮงกับเฮง

เอเจนซี่ - จีนกำลังจะเป็นบิ๊กนักลงทุนจากเอเชีย ที่เข้าซื้อบริษัท, แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และภูมิทัศน์ในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นทุกทีเหมือนญี่ปุ่นที่เคยเข้ามาในช่วงทศวรรษ 1980 และผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นเรื่องที่ดี

ในเวทีการประชุมอภิปรายว่าด้วยความร่วมมือและการลงทุนด้านเศรษฐกิจระหว่างเมืองของสหรัฐฯและจีน (The U.S.-China Cities Forum on Economic Coorperation and Investment) ซึ่งจัดขึ้นในเมืองหนันจิงเมื่อวันอาทิตย์ ( 24 มิ.ย.) นายสตีเว่น ออลสัน ผู้อำนวยการบริหารของซีเล็กต์ยูเอสเอ (SelectUSA) ซึ่งเป็นโครงการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ มองเห็นแนวโน้ม ที่จีนจะเข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าจากปัจจุบันจำนวน 6,000 ล้านดอลลาร์

ขณะที่หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ สหรัฐฯและจีนได้ลงนามข้อตกลงการลงทุนร่วมกันเป็นมูลค่า 3,400 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งหมด 42 โครงการใน 21 ภาค เช่น ภาคการผลิต ภาคอิเล็กทรอนิกส์ ภาคเคมีภัณฑ์ และยา ตลอดจนการประหยัดพลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทเลือดมังกร 4 รายเข้าร่วมลงทุนจำนวน 70 ล้านดอลลาร์บนแดนลุงแซม

แม้ในปัจจุบัน การลงทุนระหว่างชาติทั้งสองยังไม่สมดุลกัน โดยบริษัทมะกันเข้าลงทุนในจีนมากกว่า ที่บริษัทมังกรเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การเข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ โดยตรงจากต่างชาติ ในส่วนของจีนนั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุด โดยโตในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 53 ต่อปีจากปี 2548-2553 และจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ จีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 5 ของโลกเมื่อปี 2553 โดยเข้าไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศเป็นมูลค่าถึง 68,800 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการลงทุนในสหรัฐฯ นั้น มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 44 ซึ่งช้ากว่าการเข้าไปลงทุนในยุโรป (ร้อยละ 101) หรือในญี่ปุ่น (ร้อยละ 302)

ในการพบปะหารือเมื่อเดือนก.พ. 2555 กับรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่มาเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี. ประธานาธิบดีบารัก โอบาม่าก็ได้หยิบยกเรื่องการเข้าลงทุนของจีนในสหรัฐฯ ขึ้นมาหารือ โดยระบุว่า ยังมีที่ว่างสำหรับให้จีนเข้ามาลงทุนอยู่มาก

ขณะที่นายเดวิด เอ็ม มาร์ชิก ( David M. Marchick) กรรมการผู้จัดการของคาร์ไลล์กรุ๊ประบุว่า จีนอาจเปลี่ยนบทบาทไปสู่การเป็นนักลงทุนต่างแดนรายใหญ่ มิใช่เป็นเพียงแค่ผู้ส่งออก

นอกจากนั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า สหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์จากการเข้าลงทุนโดยตรงของจีน แม้มีการวิตกกังวลของผู้คนในประเทศว่า การเข้ามาลงทุนของจีนอาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติก็ตาม

ขณะเดียวกันนั้น "การลงทุนของจีนจะส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและทำให้บริษัทจีนได้พัฒนาไปสู่บรรษัทภิบาล การจัดทำรายงานและการทำบัญชีตามมาตรฐานของชาติตะวันตกอีกด้วย " นายมาร์ชิกระบุ

ยิ่งไปกว่านั้น การเข้ามาลงทุนมากขึ้นของจีนอาจช่วยส่งเสริมการส่งออกของสหรัฐฯ ไปยังแดนมังกร ขณะเดียวกันบริษัทของจีนก็หวังพึ่งการดำเนินการผลิตของบริษัทตนเองในสหรัฐฯ เพื่อส่งออกกลับไปยังจีน การสร้างงานเพิ่มขึ้นจากการเข้ามาลงทุนของจีนยังจะช่วยกระตุ้นให้ชาวอเมริกันหันมาสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของบริษัทจีน และเลิกกระแสการต่อต้านจีน เหมือนอย่างที่ได้เลิกกระแสการต่อต้านญี่ปุ่น เมื่อชาวอเมริกันเคยชินกับข้อเท็จจริงที่ว่า บริษัทข้ามชาติของญี่ปุ่น เช่น ฮอนด้า และโตโยต้า คือสิ่งที่ดีสำหรับตลาดแรงงานแดนลุงแซม