(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Twist and shout, Kim style
By Kosuke Takahashi
16/04/2012
คิม จองอึน ผู้นำหนุ่มของเกาหลีเหนือ โยกตัวและบิดตัวรวม 111 ครั้งในระหว่างการปราศรัยเป็นเวลา 20 นาทีต่อหน้าประชาชนกว่าแสนคนในกรุงเปียงยางเมื่อวันอาทิตย์ (15เม.ย.) ที่ผ่านมา ผู้นำหนุ่มผู้นี้ยังทำได้เยี่ยมทีเดียวในการลอกเลียนน้ำเสียงและเครื่องแต่งกายของปู่ของเขา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มพูนความน่าเชื่อถือของตัวเขาเอง ด้วยการตอกย้ำฐานะความเป็นทายาทแห่ง “ราชวงศ์คิม”
โตเกียว – คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนใหม่ของเกาหลีเหนือ กล่าวปราศรัยในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ (15 เม.ย.) ที่ผ่านมา ภายหลังการเดินขบวนสวนสนามของเหล่าทหารครั้งมโหฬารในกรุงเปียงยาง เพื่อเฉลิมฉลองวาระวันเกิดครบรอบ 100 ปีของ คิม อิลซุง บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมไปในปี 1994 และยังคงมีฐานะเป็น “ประธานาธิบดีตลอดกาล” ของประเทศนี้ ซึ่งใช้นามอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
สำหรับผู้นำหนุ่มผู้นี้ (เขาอยู่ในวัย 20 กว่า) การกล่าวคำปราศรัยคราวนี้ดูเหมือนมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการแต่งแต้มเติมเต็มในขั้นสุดท้าย สำหรับกระบวนการแห่งการรวบรวมอำนาจให้มั่นคง ภายหลังจากที่ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เขาได้รับตำแหน่งสูงสุดทั้งทางทหาร, พรรค, และรัฐ มาเรียบร้อยแล้ว
ในคำปราศรัยคราวนี้ คิมกล่าวถึงเกาหลีเหนือว่า “สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศที่อ่อนแอ บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นมหาอำนาจทางการเมืองและทางการทหารแล้ว” เขาบอกว่า “ถ้าพวกเรามีความมุ่งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะประสบความสำเร็จในการใช้ความพยายามอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสร้างรัฐสังคมนิยมที่แข็งแกร่งและมั่งคั่งไพบูลย์ขึ้นมาให้ได้แล้ว ขั้นตอนไม่ว่าขั้นที่หนึ่ง, ขั้นที่สอง, หรือขั้นที่สาม ของเรา ก็ล้วนแต่ต้องเป็นไปเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให่แก่กองทัพของประชาชนในทุกๆ ทางที่จะเป็นไปได้”
คิมยังเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย “เราจักต้องเอาใจใส่ดูแลเมล็ดพันธุ์อันล้ำค่าที่เพาะปลูกไว้โดยสหายคิม จองอิล (ผู้เป็นบิดาของเขาเอง) เพื่อการสร้างประเทศชาติที่แข็งแกร่งและมั่งคั่งไพบูลย์ และยกระดับชีวิตของประชาชน, บ่มเพาะพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเบ่งบานกลายเป็นความเป็นจริงอันรุ่งเรือง”
และราวกับว่าเขากำลังพยายามที่จะควบคุมความเสียหายไม่ให้ลุกลามออกไป ภายหลังการยิงจรวดที่เกาหลีเหนืออ้างว่าเพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันศุกร์ (13 เม.ย.) ต้องประสบความล้มเหลวอย่างน่าอับอายขายหน้า ผู้นำรุ่นที่ 3 ของ “ราชวงศ์คิม” ผู้นี้ ดูเหมือนกับประคับประคองตัวยืนตระหง่านให้ได้อย่างมั่นคงภายในร่มเงาเชิงสัญลักษณ์ของ คิม อิลซุง ผู้เป็นปู่แท้ๆ ของเขา ด้วยการลอกเลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ก่อตั้งประเทศผู้นี้ ตั้งแต่กิริยาท่าทาง, ทรงผม, ไปจนถึงวิธีท่วงทำนองในการพูด, ตลอดจนเครื่องแต่งกายที่โดดเด่นด้วยเสื้อนอกสีดำสไตล์เหมา เจ๋อตง
พวกผู้เชี่ยวชาญต่างคาดหมายกันอยู่แล้วว่า เจ้านายหนุ่มแห่งเปียงยาง ผู้ซึ่งขาดไร้ทั้งประสบการณ์และอิทธิพลบารมี ยังจะต้องพยายามสถาปนาอำนาจควบคุมของเขาให้มั่นคงต่อไปอีก ด้วยการเน้นย้ำให้เห็นว่า เขาเป็นทายาทของครอบครัววีรชนผู้กล้า ที่สามารถสืบสาวย้อนไปจนถึงการปฏิบัติการรบแบบหน่วยจรยุทธ์เพื่อต่อต้านญี่ปุ่นของปู่ของเขาในยุคทศวรรษ 1930
บิดาของ จองอึน ซึ่งคือ คิม จองอิล นั้น ก็ได้เป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่ปี 1994 จวบจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปลายปี 2011
“คิม จองอึน ทำตัวแทบจะก็อปปี้ปู่ของเขาทุกกระเบียดนิ้วทุกเดียว” ซาโตรุ มิยาโมโตะ (Satoru Miyamoto) ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเกาหลีเหนือชาวญี่ปุ่น และเป็นรองศาสตราจารย์อยู่ที่ สถาบันวิจัยทั่วไป ของมหาวิทยาลัยเซกะคูอิน (Seigakuin) ในจังหวัดไซตามะ (Saitama) บอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์เมื่อวันจันทร์ (16 เม.ย.) “น้ำเสียงของเขาแทบจะเหมือนกับของคิม อิลซุง เลย รวมทั้งวิธีการกล่าวปราศรัยด้วย หลายๆ ครั้ง คิม จองอึน จะหยุดพูดนิดนึง เพื่อรอให้ประชาชนตบมือและส่งเสียงโห่ร้องรับ คิม อิลซุง ก็เคยทำอย่างเดียวกันนี้”
ระหว่างการกล่าวปราศรัยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของเขาในคราวนี้ คิม จองอึน ใช้วิธีง่ายๆ โดยการอ่านข้อความที่เขียนเตรียมเอาไว้แล้ว ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไร้ลูกเล่นจังหวะจะโคนเป็นเวลา 20 นาที ต่อหน้าฝูงชนมากกว่า 100,000 คน ซึ่งรวมถึงทหารที่เดินขบวนสวนสนามด้วย สถานีโทรทัศน์ ฟูจิ ทีวี (Fuji TV) ของญี่ปุ่นรายงานว่า ในช่วงที่เขากล่าวปราศรัยนี้ เขาโยกตัวและบิดร่างกายอยู่ถึง 111 ครั้งทีเดียว
อันที่จริง การที่เขาออกมาปราศรัยเป็นเวลา 20 นาทีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยาก และในบางแง่บางมุมก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าความคาดหมายเป็นอย่างมากด้วยซ้ำ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับ คิม จองอิล ผู้บิดาของเขา ซึ่งเป็นคนเงียบขรึมไม่พูดไม่จา เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้นำสูงสุดคนที่ 2 ของ “ราชวงศ์คิม” ผู้ได้รับสร้อยต่อท้ายชื่อว่า “ท่านผู้นำที่รัก” (Dear Leader) ผู้นั้น เคยกล่าวปราศรัยอยู่เพียงครั้งเดียวตลอดยุคสมัยแห่งการปกครองของเขา นั่นคือเมื่อปี 1992 ในพิธีเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งกองทัพเกาหลีเหนือ ซึ่ง คิม จองอิล ใช้เวลาพูดเพียงแค่ราวๆ 5 วินาที ด้วยการกล่าวประโยคที่ว่า “ทหารผู้วีระอาจหาญของกองทัพประชาชนเกาหลี จงเจริญ”
ระหว่างการกล่าวปราศรัยคราวนี้ คิม จองอึน ได้อ้างถึงการเคลื่อนไหวสู้รบแบบจรยุทธ์ของ คิม อิลซุง อันเป็นเรื่องราวที่ฝังลึกแนบแน่นอยู่ในความคิดจิตใจของชาวเกาหลีเหนือเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงเท่ากับเป็นการอ้างความชอบธรรมให้แก่การที่ตระกูลนี้จะสืบทอดอำนาจกันตามสายโลหิตต่อเนื่องถึง 3 ชั่วคนแล้วเช่นนี้ (ในปี 1931 คิม อิลซุง เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกองกำลังจรยุทธ์ต่อต้านญี่ปุ่นกลุ่มต่างๆ ในภาคเหนือของจีน และในปี 1935 เขาก็กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพสามัคคีต่อต้านญี่ปุ่นแห่งภาคตะวันออกเสียงเหนือ ซึ่งเป็นกองจรยุทธ์ที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน)
พวกชนชั้นนำทรงอำนาจของเกาหลีเหนือหลายต่อหลายคนที่แวดล้อม คิม จองอึน อยู่ในเวลานี้ ก็ได้รับอำนาจสืบทอดผ่านทางสายโลหิตเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น โช รองเฮ (Choe Ryong-hae) ผู้อยู่ในวัย 62 ปี บิดาของเขาซึ่งมีนามว่า โช ฮอน (Choe Hyon) เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกองทัพประชาชน และเป็นสหายใกล้ชิดของ คิม อิลซุง ในช่วงที่เป็นนักรบจรยุทธ์ต่อสู้ญี่ปุ่น ปรากฏว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาประสบความสำเร็จในการไต่บันไดขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงสุด โดยได้รับแต่งตั้งเป็น 1 ใน 5 ของคณะประธานคณะกรรมการกรมการเมือง (Politburo Presidium) ของพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี (Workers' Party of Korea) รวมทั้งได้เป็นรองประธานของคณะกรรมการทหารส่วนกลาง (central military commission) ของพรรคอีกด้วย
การก้าวผงาดขึ้นมาของ โช รองเฮ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขามีตำแหน่งทางด้านพลเรือนอยู่ในพรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี อยู่ในช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับที่ คิม จองอึน ก้าวขึ้นครองอำนาจสูงสุด
ชนชั้นนำทรงอำนาจของเกาหลีเหนือคนอื่นๆ ในปัจจุบัน ซึ่งมีประวัติความเป็นมาในทำนองเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายคน เป็นต้นว่า โอ อิลจอง (O Il-jong) ผู้เป็นบุตรชายของ โอ จินยู (O Jin-u) อดีตรัฐมนตรีว่าการกองทัพประชาชนอีกผู้หนึ่ง และ โอ คุมโชล (O Kum-chol) บุตรชายของ โอ เบกยอง (O Baek-yong) ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้คุมงานด้านความมั่นคงแห่งรัฐ บิดาของคนเหล่านี้ต่างเป็นเคยนักรบจรยุทธ์อยู่ด้วยกัน และพวกเขายังเป็นผู้สนับสนุนถือหาง คิม จองอิล เมื่อตอนที่ต้องแข่งขันช่วงชิงกับอาของเขา คือ คิม ยองจู (Kim Yong-ju) เพื่อการเป็นทายาทสืบทอดอำนาจต่อจาก คิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศ ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ โชซุน อิลโบ (Chosun Ilbo) ของเกาหลีใต้
“ระบบการครองอำนาจแบบสืบสายโลหิต นำมาซึ่งความมีเสถียรภาพของระบอบปกครองปัจจุบันของเกาหลีเหนือ” ฮิโรยาสุ อะคูสึ (Hiroyasu Akutsu) อาจารย์และนักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันเพื่อการศึกษาด้านการป้องกันแห่งชาติ (National Institute for Defense Studies) ของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น บอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์เมื่อวันจันทร์ (16 เม.ย.) “นี่คือ ‘กลุ่มลูกท่านหลานเธอ’ ในเวอร์ชั่นเกาหลีเหนือ”
พวกผู้เชี่ยวชาญกิจการเกาหลีเหนือชาวญี่ปุ่นหลายๆ คน เห็นว่าเนื้อหาคำปราศรัยของ คิม จองอึน คราวนี้ มีจุดเน้นหนักอยู่ 3 ประการ กล่าวคือ ประการแรก การธำรงรักษานโยบายต่างๆ ของ คิม อิลซุง และ คิม จองอิล เอาไว้ต่อไป โดยที่อิงอาศัยคำชี้แนะต่างๆ และพินัยกรรมของบุคคลทั้งสอง ประการที่สอง คือ การสืบต่อ “ซอนกุน” (songun แปลว่า ทหารมาเป็นอันดับหนึ่ง) นโยบายนี้ถือเป็นรากเหง้าแห่งอุดมการณ์ที่ก่อรูปขึ้นเป็นแนวความคิด “จูเช่” (juche แปลว่า การพึ่งตนเอง) และเป็นสิ่งที่ทำให้นโยบายของราชวงศ์คิม มีความแข็งตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับประการที่สาม ได้แก่การสถาปนาประเทศชาติที่มั่งคั่งไพบูลย์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งแม้เกาหลีเหนือในปัจจุบันอวดอ้างว่ากระทำสำเร็จแล้ว แต่ไม่เคยเป็นเช่นนั้นในทางเป็นจริงเลย
ประชาชนที่ชุมนุมกันต่อหน้าท่านผู้นำหนุ่มเมื่อวันอาทิตย์ (15 เม.ย.) ได้ชูแผ่นป้ายที่มีข้อความไม่ค่อยคุ้นตา เป็นต้นว่า “แม้ไม่มีศัตรู การทหารก็ต้องเข้มแข็ง” เคียงข้างข้อความที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว อย่างเช่น “การเมืองแบบทหารเป็นอันดับหนึ่ง” และ “ประเทศชาติที่แข็งแกร่งและมั่งคั่งไพบูลย์” ทั้งนี้พวกผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นอธิบายว่า ข้อความเหล่านี้เป็นตัวแทนแสดงเจตนารมณ์อันแข็งขันของเกาหลีเหนือ ที่จะสืบต่อพัฒนาโครงการนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธต่อไป
โคสุเกะ ทาคาฮาชิ เป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในกรุงโตเกียว นอกเหนือจากเอเชียไทมส์ออนไลน์แล้ว เขายังเขียนเรื่องให้แก่ Jane's Defence Weekly ในฐานะเป็นผู้สื่อข่าวประจำโตเกียว ทวีตเตอร์ของเขาคือ @TakahashiKosuke
Twist and shout, Kim style
By Kosuke Takahashi
16/04/2012
คิม จองอึน ผู้นำหนุ่มของเกาหลีเหนือ โยกตัวและบิดตัวรวม 111 ครั้งในระหว่างการปราศรัยเป็นเวลา 20 นาทีต่อหน้าประชาชนกว่าแสนคนในกรุงเปียงยางเมื่อวันอาทิตย์ (15เม.ย.) ที่ผ่านมา ผู้นำหนุ่มผู้นี้ยังทำได้เยี่ยมทีเดียวในการลอกเลียนน้ำเสียงและเครื่องแต่งกายของปู่ของเขา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มพูนความน่าเชื่อถือของตัวเขาเอง ด้วยการตอกย้ำฐานะความเป็นทายาทแห่ง “ราชวงศ์คิม”
โตเกียว – คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนใหม่ของเกาหลีเหนือ กล่าวปราศรัยในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ (15 เม.ย.) ที่ผ่านมา ภายหลังการเดินขบวนสวนสนามของเหล่าทหารครั้งมโหฬารในกรุงเปียงยาง เพื่อเฉลิมฉลองวาระวันเกิดครบรอบ 100 ปีของ คิม อิลซุง บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมไปในปี 1994 และยังคงมีฐานะเป็น “ประธานาธิบดีตลอดกาล” ของประเทศนี้ ซึ่งใช้นามอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
สำหรับผู้นำหนุ่มผู้นี้ (เขาอยู่ในวัย 20 กว่า) การกล่าวคำปราศรัยคราวนี้ดูเหมือนมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการแต่งแต้มเติมเต็มในขั้นสุดท้าย สำหรับกระบวนการแห่งการรวบรวมอำนาจให้มั่นคง ภายหลังจากที่ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เขาได้รับตำแหน่งสูงสุดทั้งทางทหาร, พรรค, และรัฐ มาเรียบร้อยแล้ว
ในคำปราศรัยคราวนี้ คิมกล่าวถึงเกาหลีเหนือว่า “สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศที่อ่อนแอ บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นมหาอำนาจทางการเมืองและทางการทหารแล้ว” เขาบอกว่า “ถ้าพวกเรามีความมุ่งมั่นอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะประสบความสำเร็จในการใช้ความพยายามอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสร้างรัฐสังคมนิยมที่แข็งแกร่งและมั่งคั่งไพบูลย์ขึ้นมาให้ได้แล้ว ขั้นตอนไม่ว่าขั้นที่หนึ่ง, ขั้นที่สอง, หรือขั้นที่สาม ของเรา ก็ล้วนแต่ต้องเป็นไปเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให่แก่กองทัพของประชาชนในทุกๆ ทางที่จะเป็นไปได้”
คิมยังเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย “เราจักต้องเอาใจใส่ดูแลเมล็ดพันธุ์อันล้ำค่าที่เพาะปลูกไว้โดยสหายคิม จองอิล (ผู้เป็นบิดาของเขาเอง) เพื่อการสร้างประเทศชาติที่แข็งแกร่งและมั่งคั่งไพบูลย์ และยกระดับชีวิตของประชาชน, บ่มเพาะพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเบ่งบานกลายเป็นความเป็นจริงอันรุ่งเรือง”
และราวกับว่าเขากำลังพยายามที่จะควบคุมความเสียหายไม่ให้ลุกลามออกไป ภายหลังการยิงจรวดที่เกาหลีเหนืออ้างว่าเพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันศุกร์ (13 เม.ย.) ต้องประสบความล้มเหลวอย่างน่าอับอายขายหน้า ผู้นำรุ่นที่ 3 ของ “ราชวงศ์คิม” ผู้นี้ ดูเหมือนกับประคับประคองตัวยืนตระหง่านให้ได้อย่างมั่นคงภายในร่มเงาเชิงสัญลักษณ์ของ คิม อิลซุง ผู้เป็นปู่แท้ๆ ของเขา ด้วยการลอกเลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ก่อตั้งประเทศผู้นี้ ตั้งแต่กิริยาท่าทาง, ทรงผม, ไปจนถึงวิธีท่วงทำนองในการพูด, ตลอดจนเครื่องแต่งกายที่โดดเด่นด้วยเสื้อนอกสีดำสไตล์เหมา เจ๋อตง
พวกผู้เชี่ยวชาญต่างคาดหมายกันอยู่แล้วว่า เจ้านายหนุ่มแห่งเปียงยาง ผู้ซึ่งขาดไร้ทั้งประสบการณ์และอิทธิพลบารมี ยังจะต้องพยายามสถาปนาอำนาจควบคุมของเขาให้มั่นคงต่อไปอีก ด้วยการเน้นย้ำให้เห็นว่า เขาเป็นทายาทของครอบครัววีรชนผู้กล้า ที่สามารถสืบสาวย้อนไปจนถึงการปฏิบัติการรบแบบหน่วยจรยุทธ์เพื่อต่อต้านญี่ปุ่นของปู่ของเขาในยุคทศวรรษ 1930
บิดาของ จองอึน ซึ่งคือ คิม จองอิล นั้น ก็ได้เป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่ปี 1994 จวบจนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปลายปี 2011
“คิม จองอึน ทำตัวแทบจะก็อปปี้ปู่ของเขาทุกกระเบียดนิ้วทุกเดียว” ซาโตรุ มิยาโมโตะ (Satoru Miyamoto) ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเกาหลีเหนือชาวญี่ปุ่น และเป็นรองศาสตราจารย์อยู่ที่ สถาบันวิจัยทั่วไป ของมหาวิทยาลัยเซกะคูอิน (Seigakuin) ในจังหวัดไซตามะ (Saitama) บอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์เมื่อวันจันทร์ (16 เม.ย.) “น้ำเสียงของเขาแทบจะเหมือนกับของคิม อิลซุง เลย รวมทั้งวิธีการกล่าวปราศรัยด้วย หลายๆ ครั้ง คิม จองอึน จะหยุดพูดนิดนึง เพื่อรอให้ประชาชนตบมือและส่งเสียงโห่ร้องรับ คิม อิลซุง ก็เคยทำอย่างเดียวกันนี้”
ระหว่างการกล่าวปราศรัยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของเขาในคราวนี้ คิม จองอึน ใช้วิธีง่ายๆ โดยการอ่านข้อความที่เขียนเตรียมเอาไว้แล้ว ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไร้ลูกเล่นจังหวะจะโคนเป็นเวลา 20 นาที ต่อหน้าฝูงชนมากกว่า 100,000 คน ซึ่งรวมถึงทหารที่เดินขบวนสวนสนามด้วย สถานีโทรทัศน์ ฟูจิ ทีวี (Fuji TV) ของญี่ปุ่นรายงานว่า ในช่วงที่เขากล่าวปราศรัยนี้ เขาโยกตัวและบิดร่างกายอยู่ถึง 111 ครั้งทีเดียว
อันที่จริง การที่เขาออกมาปราศรัยเป็นเวลา 20 นาทีเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยาก และในบางแง่บางมุมก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าความคาดหมายเป็นอย่างมากด้วยซ้ำ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับ คิม จองอิล ผู้บิดาของเขา ซึ่งเป็นคนเงียบขรึมไม่พูดไม่จา เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้นำสูงสุดคนที่ 2 ของ “ราชวงศ์คิม” ผู้ได้รับสร้อยต่อท้ายชื่อว่า “ท่านผู้นำที่รัก” (Dear Leader) ผู้นั้น เคยกล่าวปราศรัยอยู่เพียงครั้งเดียวตลอดยุคสมัยแห่งการปกครองของเขา นั่นคือเมื่อปี 1992 ในพิธีเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปีของการก่อตั้งกองทัพเกาหลีเหนือ ซึ่ง คิม จองอิล ใช้เวลาพูดเพียงแค่ราวๆ 5 วินาที ด้วยการกล่าวประโยคที่ว่า “ทหารผู้วีระอาจหาญของกองทัพประชาชนเกาหลี จงเจริญ”
ระหว่างการกล่าวปราศรัยคราวนี้ คิม จองอึน ได้อ้างถึงการเคลื่อนไหวสู้รบแบบจรยุทธ์ของ คิม อิลซุง อันเป็นเรื่องราวที่ฝังลึกแนบแน่นอยู่ในความคิดจิตใจของชาวเกาหลีเหนือเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงเท่ากับเป็นการอ้างความชอบธรรมให้แก่การที่ตระกูลนี้จะสืบทอดอำนาจกันตามสายโลหิตต่อเนื่องถึง 3 ชั่วคนแล้วเช่นนี้ (ในปี 1931 คิม อิลซุง เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และกองกำลังจรยุทธ์ต่อต้านญี่ปุ่นกลุ่มต่างๆ ในภาคเหนือของจีน และในปี 1935 เขาก็กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพสามัคคีต่อต้านญี่ปุ่นแห่งภาคตะวันออกเสียงเหนือ ซึ่งเป็นกองจรยุทธ์ที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน)
พวกชนชั้นนำทรงอำนาจของเกาหลีเหนือหลายต่อหลายคนที่แวดล้อม คิม จองอึน อยู่ในเวลานี้ ก็ได้รับอำนาจสืบทอดผ่านทางสายโลหิตเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น โช รองเฮ (Choe Ryong-hae) ผู้อยู่ในวัย 62 ปี บิดาของเขาซึ่งมีนามว่า โช ฮอน (Choe Hyon) เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกองทัพประชาชน และเป็นสหายใกล้ชิดของ คิม อิลซุง ในช่วงที่เป็นนักรบจรยุทธ์ต่อสู้ญี่ปุ่น ปรากฏว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาประสบความสำเร็จในการไต่บันไดขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงสุด โดยได้รับแต่งตั้งเป็น 1 ใน 5 ของคณะประธานคณะกรรมการกรมการเมือง (Politburo Presidium) ของพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี (Workers' Party of Korea) รวมทั้งได้เป็นรองประธานของคณะกรรมการทหารส่วนกลาง (central military commission) ของพรรคอีกด้วย
การก้าวผงาดขึ้นมาของ โช รองเฮ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขามีตำแหน่งทางด้านพลเรือนอยู่ในพรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี อยู่ในช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับที่ คิม จองอึน ก้าวขึ้นครองอำนาจสูงสุด
ชนชั้นนำทรงอำนาจของเกาหลีเหนือคนอื่นๆ ในปัจจุบัน ซึ่งมีประวัติความเป็นมาในทำนองเดียวกันนี้ ยังมีอีกหลายคน เป็นต้นว่า โอ อิลจอง (O Il-jong) ผู้เป็นบุตรชายของ โอ จินยู (O Jin-u) อดีตรัฐมนตรีว่าการกองทัพประชาชนอีกผู้หนึ่ง และ โอ คุมโชล (O Kum-chol) บุตรชายของ โอ เบกยอง (O Baek-yong) ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้คุมงานด้านความมั่นคงแห่งรัฐ บิดาของคนเหล่านี้ต่างเป็นเคยนักรบจรยุทธ์อยู่ด้วยกัน และพวกเขายังเป็นผู้สนับสนุนถือหาง คิม จองอิล เมื่อตอนที่ต้องแข่งขันช่วงชิงกับอาของเขา คือ คิม ยองจู (Kim Yong-ju) เพื่อการเป็นทายาทสืบทอดอำนาจต่อจาก คิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศ ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ โชซุน อิลโบ (Chosun Ilbo) ของเกาหลีใต้
“ระบบการครองอำนาจแบบสืบสายโลหิต นำมาซึ่งความมีเสถียรภาพของระบอบปกครองปัจจุบันของเกาหลีเหนือ” ฮิโรยาสุ อะคูสึ (Hiroyasu Akutsu) อาจารย์และนักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันเพื่อการศึกษาด้านการป้องกันแห่งชาติ (National Institute for Defense Studies) ของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น บอกกับเอเชียไทมส์ออนไลน์เมื่อวันจันทร์ (16 เม.ย.) “นี่คือ ‘กลุ่มลูกท่านหลานเธอ’ ในเวอร์ชั่นเกาหลีเหนือ”
พวกผู้เชี่ยวชาญกิจการเกาหลีเหนือชาวญี่ปุ่นหลายๆ คน เห็นว่าเนื้อหาคำปราศรัยของ คิม จองอึน คราวนี้ มีจุดเน้นหนักอยู่ 3 ประการ กล่าวคือ ประการแรก การธำรงรักษานโยบายต่างๆ ของ คิม อิลซุง และ คิม จองอิล เอาไว้ต่อไป โดยที่อิงอาศัยคำชี้แนะต่างๆ และพินัยกรรมของบุคคลทั้งสอง ประการที่สอง คือ การสืบต่อ “ซอนกุน” (songun แปลว่า ทหารมาเป็นอันดับหนึ่ง) นโยบายนี้ถือเป็นรากเหง้าแห่งอุดมการณ์ที่ก่อรูปขึ้นเป็นแนวความคิด “จูเช่” (juche แปลว่า การพึ่งตนเอง) และเป็นสิ่งที่ทำให้นโยบายของราชวงศ์คิม มีความแข็งตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับประการที่สาม ได้แก่การสถาปนาประเทศชาติที่มั่งคั่งไพบูลย์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งแม้เกาหลีเหนือในปัจจุบันอวดอ้างว่ากระทำสำเร็จแล้ว แต่ไม่เคยเป็นเช่นนั้นในทางเป็นจริงเลย
ประชาชนที่ชุมนุมกันต่อหน้าท่านผู้นำหนุ่มเมื่อวันอาทิตย์ (15 เม.ย.) ได้ชูแผ่นป้ายที่มีข้อความไม่ค่อยคุ้นตา เป็นต้นว่า “แม้ไม่มีศัตรู การทหารก็ต้องเข้มแข็ง” เคียงข้างข้อความที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว อย่างเช่น “การเมืองแบบทหารเป็นอันดับหนึ่ง” และ “ประเทศชาติที่แข็งแกร่งและมั่งคั่งไพบูลย์” ทั้งนี้พวกผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นอธิบายว่า ข้อความเหล่านี้เป็นตัวแทนแสดงเจตนารมณ์อันแข็งขันของเกาหลีเหนือ ที่จะสืบต่อพัฒนาโครงการนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธต่อไป
โคสุเกะ ทาคาฮาชิ เป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในกรุงโตเกียว นอกเหนือจากเอเชียไทมส์ออนไลน์แล้ว เขายังเขียนเรื่องให้แก่ Jane's Defence Weekly ในฐานะเป็นผู้สื่อข่าวประจำโตเกียว ทวีตเตอร์ของเขาคือ @TakahashiKosuke