“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าชีวิตอันน่าพิสมัยนั้นไม่ใช่มายาภาพ? ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าการหลีกหนีความตายอันน่าชิงชังนั้นไม่ผิดอะไรกับชายผู้ซึ่งเดินทางออกจากบ้านไปเมื่อวัยเยาว์ และได้หลงลืมเส้นทางกลับสู่บ้านเกิด?
“พระสนมลี่เป็นธิดาของทหารอารักขาชายแดนแห่งแคว้นไอ้ เมื่อแรกที่นางถูกคุมตัวมายังแคว้นจิ้น นางร่ำไห้ น้ำตาหลั่งไหลจนชุ่มโชกอาภรณ์ ทว่าเมื่อได้มาพำนักในวังโอฬาร ร่วมเรียงเคียงหมอน ดื่มกินมังสาหารรสโอชะร่วมโต๊ะกับเจ้าผู้ครองแคว้น นางก็ให้กังขาว่าได้เคยร่ำไห้ฟูมฟายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าดวงวิญญาณของผู้ตายจะไม่รู้สึกพิศวงว่า เหตุใดตนถึงเคยหวงแหนชีวิตถึงเพียงนั้น?"
ครั้งหนึ่งจวงจื่อฝันไปว่าตนเป็นผีเสื้อ ขยับกระพือปีกบินไปรอบๆอย่างสุขสำราญใจ เริงเล่นไปตามใจปรารถนา มันหารู้ไม่ว่ามันคือจวงจื่อ พลันเมื่อตื่นขึ้นและพบว่าตัวเองเป็นจวงจื่ออย่างแน่แท้ แต่เขากลับไม่แน่ใจว่าเป็นจวงจื่อที่ฝันไปว่าตัวเองเป็นผีเสื้อ หรือว่าเป็นผีเสื้อที่ฝันเป็นจวงจื่อกันแน่ ระหว่างจวงจื่อและผีเสื้อ จะต้องมีความแตกต่างบางอย่าง นี่เรียกว่าการแปรเปลี่ยนของสรรพสิ่ง
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子) บทที่สอง สรรพสิ่งคือหนึ่งเดียว 《齐物论》