xs
xsm
sm
md
lg

พญามัจฉา ‘คุน’ กลายร่างเป็น พญาปักษา ‘เผิง’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพโดย จูตา (朱耷-ค.ศ.1676-1705) หรือ ปาต้าซันเหริน(八大山人)จิตกรยุคสมัยราชวงศ์ชิง
ณ ทะเลลึกแดนเหนือ มีพญามัจฉาชื่อ ‘คุน’ ร่างใหญ่โตไม่รู้กี่พันลี้ คุนกลายร่างเป็นพญานกชื่อ ‘เผิง’ แผ่นหลังของเผิงมโหฬารไม่รู้กี่พันลี้ ยามกระพือสะบัดปีกเหินสู่เวหา ปีกแผ่กว้างราวแผ่นเมฆปกคลุมฟ้า เมื่อผืนน้ำแห่งท้องสมุทรเริ่มขยับไหว พญาเผิงก็บ่ายหน้าสู่ทะเลสาบสวรรค์แห่งแดนใต้

ขณะพญาเผิงสยายปีกมุ่งสู่ทะเลลึกแดนใต้ ท้องทะเลก็ปั่นป่วนคลุ้มคลั่งไกลถึงสามพันลี้ ปีกอันมโหฬารของพญานกตีลมเป็นพายุหมุน และบินสูงขึ้นไปถึงเก้าหมื่นลี้ ถลาร่อนไปกับลมพายุนานหกเดือนจึงถลาลงหยุดพัก กระแสลมร้อนพัดเป่าฝุ่นตลบฟุ้ง สรรพสิ่งสั่นไหวกระทบเสียดสีกัน ผืนฟ้าสีครามเข้มนั้น เป็นสีที่แท้จริงของมันละหรือ? หรือเกิดจากระยะทางไกลโพ้นไร้ที่สิ้นสุด เมื่อพญาปักษามองลงสู่เบื้องล่าง ก็แลเห็นเพียงสีฟ้าใสเฉกเช่นกัน

นกคุ่มหัวเราะร่วนพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดจะไปไหนกัน แม้นข้ากระโดดอย่างสุดแรง โผบินขึ้น ก็ไปได้ไกลไม่เกินห้าหกวา แลมักถลาร่วงลงตะเกียกตะกายอยู่ในดงวัชพืชและกอหนาม นั่นก็นับเป็นการบินที่ดีเยี่ยมของเราแล้ว เจ้าคิดจะมุ่งสู่หนใดกัน?” นี่คือความแตกต่างระหว่าง ‘ยิ่งใหญ่’ กับ ‘สามัญ’

หากท่านเดินทางสู่ป่าเขียวชอุ่มใกล้หมู่บ้าน เพียงตระเตรียมอาหารสามมื้อนำติดไปด้วย ก็สามารถเดินทางกลับมาถึงบ้านโดยที่กระเพาะยังอิ่มหนำ หากเดินทางไกลร้อยลี้ ก็ต้องตระเตรียมอาหารเพิ่มในคืนก่อนออกเดินทาง และหากต้องเดินทางไกลถึงพันลี้ ก็ต้องลงมือตระเตรียมเสบียงกรังล่วงหน้าถึงสามเดือน เจ้าสัตว์น้อยสองตัวจะมีปัญญาเข้าใจถึงสิ่งนี้ได้อย่างไร ‘ความรู้อันน้อยนิด’ ไม่อาจบรรลุถึง ‘ความรู้อันยิ่งใหญ่’ ‘ชีวิตอันแสนสั้น’ ไม่อาจเข้าถึง ‘ชีวิตที่ยืนยาว’

ดอกเห็ดยามเช้าไม่อาจพบพานแสงสนธยาและอรุณรุ่ง จักจั่นฮุ่ยกูแห่งฤดูร้อนไม่เคยรู้จักฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง นี่คือชีวิตที่แสนสั้น ณ แดนใต้ของแคว้นฉู่ มีเต่าหมิงหลิง มันมีฤดูใบไม้ผลิยาวนานถึงห้าร้อยปี และฤดูใบไม้ร่วงยาวนานถึงห้าร้อยปี แต่ครั้งโบราณเนิ่นนานมาแล้ว ยังมีต้นไม้ใหญ่ชื่อ ‘ชุน’ มีฤดูใบไม้ผลินานถึงแปดพันปี และฤดูใบไม้ร่วงนานถึงแปดพันปี นี่คือชีวิตที่ยืนยาว เผิงจู่ผู้มีนามกระเดื่องในความมีอายุยืนนาน กระทั่งผู้คนแห่แหนเอาเยี่ยงอย่าง ช่างน่าอาดูรนัก!

สำหรับซ่งหรงจื่อแม้นโลกทั้งโลกจะแซ่ซ้องสรรเสริญ ก็หาทำให้เขายินดี แม้นโลกทั้งโลกจะกล่าวประณาม ก็หาทำให้เขาโศกเศร้า ด้วยเขาอาจแยกแยะระหว่างภายในกับภายนอก เห็นกระจ่างระหว่างเส้นแบ่งความรุ่งโรจน์กับความอัปยศ ในความเป็นไปทั้งมวลของโลกนั้น เขาหาได้กังวลสนใจไม่ กระนั้นเขาก็ยังมิได้บรรลุถึงคุณธรรมที่แท้*

เลี่ยจื่อสามารถขี่ลมเหาะเหินล่องลมสุขสมคลายใจถึงสิบห้าวันจึงกลับคืนสู่โลก บรรดาลาภยศทั้งปวงนั้น เขาหาได้กังวลสนใจไม่ แม้นเขาอาจหลีกเลี่ยงความยากลำบากในการเดินเท้า แต่ก็ยังต้องอาศัยบางสิ่งบางอย่างเป็นเครื่องนำพาไป หากเขายึดถือสัจธรรมแห่งฟ้าดินในการดำเนินไป ติดตามความแปรเปลี่ยนของปราณทั้งหก แลท่องไปในอนันต์อันไร้ขอบเขต เช่นนี้แล้ว ยังต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งใดอีก?

มนุษย์ที่แท้ไร้ตัวตน คนศักดิ์สิทธิ์ไร้ความดี ปราชญ์ไร้ชื่อ

แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子) บทที่หนึ่ง อิสรจร (逍遥游)
กำลังโหลดความคิดเห็น