เอเยนซี - จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบอ่อนๆ เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่จะเป็นการดำเนินไปอย่างรอบคอบ หลังจากที่เคยโหมกระตุ้นอย่างหนักในช่วงวิกฤตการเงินโลก 2551 จนยังคงสร้างผลกระทบทั้งภาวะเงินเฟ้อและภาระหนี้
สื่อต่างประเทศรายงาน (30 พ.ค.) ว่า จีนได้ประกาศมาตรการกำหนดราคาสินค้าอาหารเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และยังรวมถึงการจัดสรรงบประมาณราว 66,000 ล้านหยวน เพื่อเร่งสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก นอกจากนั้นยังเตรียมงบสนับสนุนการซื้อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของประชาชนอีกราว 26,500 ล้านหยวน โดยคาดว่างบประมาณที่จัดสรรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ จะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อคราวปี 2551 ที่ใช้งบประมาณถึง 4 ล้านล้านหยวน
บรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า มาตรการชุดเล็กนี้ ก็คงจะพอสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตลอดทั้งปีนี้ ซึ่งวางตัวเลขเติบโตไว้ที่ร้อยละ 8 โดย ซื่อเหว่ย จาง นักเศรษฐศาสตร์จาก โนมูระ คิดว่าเพียงแค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้ว โดยมาตรการนี้ จะช่วยให้การเติบโตของครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก
รายงานข่าวกล่าวว่า หลังจากความพยายามในการประคองเศรษฐกิจการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ และชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ บรรดาผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ก็ได้เริ่มปรับแผนเน้นกระตุ้นการบริโภคเพื่อปรับสมดุลจากยอดส่งออกที่หดหายไปเพราะผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่ดูว่าจะไม่ดีขึ้น
หลี่ เว่ย จากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า มาตรการชุดนี้น่าจะเห็นผลในราวเดือนสิงหาคม หรือกันยายน ขณะที่ ไอเอ็มเอฟ และธนาคารโลก ต่างคาดการณ์ว่า ปีนี้เศรษฐกิจจีนคงจะเติบโตในอัตราร้อยละ 8.2 ส่วนนักวิเคราะห์ภาคเอกชน ก็เล็งเป้าไว้ต่ำกว่านั้น เพราะข้อมูลตัวเลขในเดือนเมษายนไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างไรก็ตามยังคงอยู่ระหว่างร้อยละ 8-9 อยู่ดี แต่สำหรับรัฐบาลจีนนั้น ได้วางตัวเลขการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 7.5
ด้านสื่อจีน รายงานการเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจว่า จีนไม่ควรออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลังในเชิงรุกรอบใหม่แล้ว เนื่องจากจะทำให้เกิดการลงทุนมากเกินกว่าความเป็นจริงของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดส่วนเกินในบางอุตสาหกรรม ดังนั้น การลงทุนในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งที่พอเหมาะพอดีแล้ว