เอเอฟพี - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงขยายตัวมากกว่าร้อยละ 8 ทั้งในปีนี้และปีหน้า แม้จะมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนอาจเผชิญกับภาวะชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์ในต่างประเทศหดตัวลง
รายงานไอเอ็มเอฟ เผย (18 เม.ย.) ความคาดการณ์ว่า แม้อุปสงค์ภายนอกประเทศจะลดต่ำลง แต่การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 8 ทั้งในปี 2555 และ 2556 เพราะความแข็งแกร่งของภาคบริโภคและการลงทุนในจีน โดยคาดว่าในปีนี้ เศรษฐกิจจีนจะเติบโตที่ระดับร้อยละ 8.2 และอยู่ที่ร้อยละ 8.3 ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ที่ร้อยละ 7.5
ทั้งนี้ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกนี้ ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.1 จากร้อยละ 9.7 ของช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน เพราะความต้องการภายในประเทศที่ลดลง และขาดอุปสงค์จากต่างประเทศเพราะหนี้สาธารณยุโรปยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต แต่อย่างไรก็ดี รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดของไอเอ็มเอฟระบุว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลกำไรในภาคเอกชนและรายได้ภาคครัวเรือน ยังคงเป็นแรงหนุนของตลาดอุปโภคบริโภคและการลงทุนของจีนที่แข็งแกร่ง
บรรดานักวิเคราะห์ คาดว่าจีนจะสามารถประคองตัวและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะชะลอตัวอย่างรวดเร็ว(Hard Landing) อันเนื่องมาจากผลกระทบเศรษฐกิจยุโรปได้ แต่ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟก็ได้เตือนว่า เศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว กับความอ่อนแรงของตลาดส่งออก จะยังสร้างแรงกดดันให้เศรษฐกิจจีนอยู่ ทั้งนี้ จึงคาดว่าจีนจะยังคงจำกัดควบคุมมาตรการทางการเงินให้ไว้อยู่เช่นเดิม โดยที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนเพิ่งจะปรับลดอัตราเงินสดสำรองสินเชื่อฯ ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ลงเพียง 2 ครั้งในรอบ 4 เดือน ซึ่งก็เป็นไปเพื่อรับกับนโยบายขยายวงเงินกู้มากระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
ไอเอ็มเอฟ ย้ำว่า จีนจำเป็นต้องปรับสมดุล การเติบโตด้วยการสร้างอุปสงค์ในประเทศให้แข็งแกร่งมากกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา เพื่อปรับตัวกับเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกที่ลดฮวบลงไป
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จีนเพิ่งจะประกาศขยายกรอบการค้าเงินหยวนให้อยู่ระหว่างร้อยละ 0.5 -1 ซึ่งคาดว่าเป็นหนึ่งในจังหวะก้าวสำคัญของการปฏิรูปเงินหยวนต่อไป โดย คริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ ไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า เป็นจังหวะของจีนเองที่ปรับค่าเงินหยวน ซึ่งมักถูกวิจารณ์ว่าต่ำกว่าความเป็นจริง และเป็นการทำเพื่อสร้างสมดุลย์ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งกำลังจะเน้นไปที่การบริโภคภายในฯ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงค่าขึ้นของเงินหยวน ย่อมทำให้จีนสามารถนำเข้าสินค้าได้มากขึ้น และลดความตึงเครียดกับคู่ค้าระหว่างประเทศลงได้
