รอยเตอร์ - และแล้วมุขตลกก็กระฉ่อนไปทั่วในบรรดาเจ้าหน้าที่กรุงปักกิ่ง... ว่าพี่ใหญ่จีนจะยังคงมีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนือในแผนการยิงจรวดนำดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศขึ้นสู่วงโคจรอยู่หรือไม่
เรื่องราวล้อเลียนมีอยู่ว่า... ผู้บัญชาการสูงสุดของโสมแดง นายคิม จองอึนสายตรงมาถึงผู้นำจีนหารือเกี่ยวกับเวลาในการปล่อยดาวเทียม
ผู้นำจีนถาม: “จะยิงเมื่อไหร่ล่ะ”
คิมตอบ: “สิบ.. เก้า.. แปด.. เจ็ด.. หก.. ห้า.. สี่..”
รัฐบาลปักกิ่งได้รับคำบอกเล่าจากหลายฝ่ายให้ใช้อิทธิพลของตนกดดันการยิงดาวเทียมของโสมแดง ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับผู้นำจีนและนักการทูตตะวันตกต่างพากันเห็นว่า จีนมีอิทธิพลต่อเปียงยางน้อยเหลือเกิน
ฝ่ายสหรัฐฯ มหาอำนาจโลกผู้มีวาทะเพื่อการปกป้องประโยชน์ตนแบบซ้ำซาก ก็ออกโรงสาธยายว่า การยิงจรวดของโสมแดงครั้งนี้เป็นการกระทำบังหน้า แท้จริงแล้วเกาหลีเหนือต้องการทดสอบเทคโนโลยีขีปนาวุธที่สามารถโจมตีข้ามทวีปได้ไกลถึงสหรัฐฯ เจ้าโลกฯ จึงอยากจะให้มังกรจีนใช้อิทธิพลของตนกดดันให้เกาหลีเหนือเลิกล้มแผนการนี้เสีย
จีนบอกแล้วนะ..
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับผู้นำจีนบอกกับรอยเตอร์ว่า “จีนก็ได้กดดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการปล่อยดาวเทียมแล้ว เพราะว่ามันมีความแปรผันสูง ตลอดจนจะทำให้มะกันใช้เป็นข้ออ้างเข้ามากร่างในเอเชียได้”
“จีนก็ไม่อยากเห็นการปล่อยจรวดนำดาวเทียมของโสมแดง เพราะว่า ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้อยู่ในวิถีที่จรวดเกาหลีเหนือจะร่อนมาหล่นโดยมิได้ตั้งใจได้” นอกจากนั้นแหล่งข่าวระบุด้วยว่า ทั้งฝ่ายการเมืองและทุนการเงินในจีนก็เชื่อว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์กระชับแน่นอบอุ่นปานจะกลืนกินกับเกาหลีเหนือสักเท่าใดนัก เพราะเกาหลีเหนือก็ใช่ว่าจะเป็นประเทศว่านอนสอนง่าย
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ต่างพากันลงความเห็นว่า ประเทศจีนผู้ซึ่งป้อนข้าวป้อนน้ำ ปันพลังงานให้กับเกาหลีเหนือ น่าจะมีอิทธิพลที่พอจะกดดันให้เปียงยางเลิกล้มการยิงจรวดได้บ้าง
มะกันบอกจีนนะ..
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนใช้อิทธิพลของตนกับเกาหลีเหนือแทนที่จะทำตัว “ปิดหูปิดตา” และถ้าเกาหลีเหนือไม่เชื่อฟัง ก็ให้จีนคว่ำบาตรไม่ญาติดีด้วย
เมื่อวันจันทร์ (9 เม.ย.) วิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศมะกันเผยว่า “มีสัญญาณมาแล้วว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดลองโครงการนิวเคลียร์ครั้งที่ 3”
“พวกเราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าจีนจะต้องร่วมปกป้องผลประโยชน์ในการช่วยลดปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีลง พวกเราพยายามบอกจีนอย่างต่อเนื่องให้ปกป้องประโยชน์ร่วมกัน”
นูแลนด์แถลงกับนักข่าวว่า โครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 ของเกาหลีนั้นจะต้องส่งผลแย่หรือแย่กว่าการยิงดาวเทียมฯ ในครั้งนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทั้งจีนและเกาหลีเหนือก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่อบอุ่น แม้ว่าจะมีปัญหาตึงเครียดมาทำให้สัมพันธ์ย่ำแย่ไปบ้าง ก่อนที่อดีตผู้นำสูงสุด คิมจองอิลของแดนโสมแดงจะเสียชีวิต เขาก็ได้เดินทางเยือนจีน 4 ครั้ง นับแต่เดือนพ.ค. 2553 จนถึง ส.ค. 2554 บุตรชายของเขา นายคิมจองอึน ผู้นำคนใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่บิดา ก็เชื่อกันว่าเขาเคยมาเยือนจีนร่วมกับบิดาบ้างอย่างน้อยก็ 1 ครั้ง
ยิงจรวดฯ เจตานาดีจริง ๆ นะ..
จรวดที่เกาหลีเหนือจะยิงขณะนี้พร้อมออกจากฐานยิง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตหุบเขาห่างไกลภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ตัวจรวดจะบ่งบอกขีดความสามารถของมันว่า จะมีศักยภาพพอสามารถยิงขีปนาวุธข้ามทวีปไปโจมตีอเมริกาได้หรือไม่
รัฐบาลเปียงยางยืนยันว่า แผนการคราวนี้เป็นการยิงจรวดนำดาวเทียมวิจัยอย่างสันติขึ้นสู่วงโคจร เพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีของคิมอิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศ อีกทั้งเพื่อตอกย้ำเกียรติภูมิของ คิม จองอึน หลานปู่ของผู้ก่อตั้งประเทศ ที่เพิ่งขึ้นครองอำนาจในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
“เกาหลีเหนือไม่สามารถปล่อยอะไรได้ ถ้าไม่พึ่งพิงเทคโนโลยีขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งผิดมติสหประชาชาติที่ 1874” นูแลนด์ย้ำ “หากเกาหลีเหนือทำอะไรแม้แต่น้อยก็ถือว่าละเมิดมติสหประชาชาติ”
ทั้งนี้การส่งจรวดขึ้นสู่วิถีโคจรเพื่อเฉลิมฉลองฯ นั้นเป็นประเพณีปฏิบัติที่คล้ายคลึงกันระหว่างผู้นำคอมมิวนิสต์ของทั้งจีนและเกาหลีเหนือ จีนยิงดาวเทียมในปี 2525 และ2530 เพื่อรำลึกวาระครบรอบการจากไปของประธานเหมา เจ๋อตง และในปี 2535 2540 2545 และ 2550 ก็ยิงจรวดฯ ให้สอดคล้องกับวันเกิดพรรคคอมมิวนิสต์ ดังนั้นแล้วไซร้ จีนก็คงจะยากที่ชักจูงให้เกาหลีเหนือยุติการยิงจรวดในครั้งนี้
ยิงจรวดฯ สร้างอำนาจคิมหมายเลข 3 ..
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ปฏิบัติการของเปียงยางนั้นมีเป้าหมายไปไกลกว่าเพื่อการฉลองการเถลิงอำนาจของคิมจองอึน วัยปลาย 20 ผู้นำเกาหลีเหนือที่สืบทอดอำนาจจากครอบครัวรุ่นที่ 3 หลังบิดาเสียชีวิตไปเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
นักการทูตตะวันตกเผยว่า “หากคิมหมายเลข 3 ต้องการสัญลักษณ์แห่งอำนาจอันชอบธรรมแล้ว การส่งจรวดก็เป็นนัยยะว่าเขามีอำนาจเหนือพรรคแรงงานของเกาหลี”
หากว่าจีนใช้อำนาจของตนไปกดดันเกาหลีเหนือให้ล้มเลิกโครงการฯ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ที่ผู้นำคนใหม่เพิ่งเถลิงอำนาจ ถือว่าเสี่ยงมาก อาจชุดชนวนความไม่มั่นคงในคาบสมุทรฯ อันเปรียบเสมือนปราการตะวันออกของจีนได้
ชิมแจฮุน นักวิเคราะห์ทางการเมืองเกาหลีใต้เผยว่า “คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าจีนมีแรงที่จะกดดันเกาหลีเหนือหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ว่าจีนต้องการจะแสดงอำนาจในการกดดันหรือเปล่า หากว่าจีนแสดงท่าทีไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อยก็ย่อมกระทบต่อคิมจองอึนอยู่แล้ว”
หนุนโสมแดง เท่ากับป้องประโยชน์จีน?
ท้ายที่สุด จีนก็ยังคงเห็นประโยชน์ของระบอบเกาหลีเหนือที่จะเป็นปราการป้องกันภาคีทหารเกาหลีใต้-สหรัฐฯ
ชิมย้ำว่า “สิ่งที่เป็นปัญหาหนักสุดที่จีนกลัวก็คือ ความเป็นประชาธิปไตยและทุนนิยมแบบเกาหลีใต้จะสามารถกลืนกินแผ่อำนาจเต็มคาบสมุทรเกาหลี จีนเกรงว่า หากเป็นเช่นนั้นกองกำลังสหรัฐฯย่อมเข้ามาประจำประชิดชายแดนจีน”
แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า “ขณะนี้จีนยากจะควบคุมเกาหลีเหนือได้ จีนไม่มีทางเลือก นอกจากการส่งความช่วยเหลือไปยังเกาหลีเหนือ หากจีนไม่ส่งอาหารและพลังงานให้เกาหลีเหนือ ก็จะทำให้ชาวบ้านอพยพทะลักเข้ามายังแดนตะวันออกเฉียงเหนือของจีนล้นหลาม”
ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-เกาหลีเหนือเมื่อครั้งต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ขับไล่ทหารมะกันและเกาหลีใต้ช่วงสงครามเกาหลีทศวรรษ 1950-53 หากจีนเป็นฟัน เกาหลีเหนือก็เสมือนริมฝีปาก แต่ต่อมาสัมพันธ์ก็ต้องหันเหเมื่อจีนปฏิรูปและเปิดประเทศ เปียงยางมองว่าจีนทรยศ เมื่อปี 2535 ที่จีนยอมรับสถานะทางการทูตเกาหลีใต้
เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำรุ่นต่อมาของจีน มองว่าความสำเร็จของจีนนั้นไม่ควรเดินบนวิถีเคร่งครัดตามแบบแผนคอมมิวนิสต์เดิม ส่งผลให้คิมจองอิลโกรธมาก
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า จีนแปลงประเทศตัวเองเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเพียงเวลา 3 ทศวรรษ จากการปฏิรูปฯ แต่เกาหลีเหนือยังต้องพึ่งพาจีน จีนมองว่าผู้นำเกาหลีเหนือไร้สามารถที่ไม่อาจเลี้ยงดูปูเสื่อประชาชนของตัวเองได้
“สัมพันธ์ของเรากับเกาหลีเหนือเหมือนริมฝีปากกับฟัน หากไร้ริมฝีปาก ฟันคงเหน็บหนาว แต่ทุกวันนี้ ฟันก็กำลังขบกัดริมฝีฝาก และริมฝีปากก็เริ่มเจ็บแล้วนะ... ”
เรื่องราวล้อเลียนมีอยู่ว่า... ผู้บัญชาการสูงสุดของโสมแดง นายคิม จองอึนสายตรงมาถึงผู้นำจีนหารือเกี่ยวกับเวลาในการปล่อยดาวเทียม
ผู้นำจีนถาม: “จะยิงเมื่อไหร่ล่ะ”
คิมตอบ: “สิบ.. เก้า.. แปด.. เจ็ด.. หก.. ห้า.. สี่..”
รัฐบาลปักกิ่งได้รับคำบอกเล่าจากหลายฝ่ายให้ใช้อิทธิพลของตนกดดันการยิงดาวเทียมของโสมแดง ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับผู้นำจีนและนักการทูตตะวันตกต่างพากันเห็นว่า จีนมีอิทธิพลต่อเปียงยางน้อยเหลือเกิน
ฝ่ายสหรัฐฯ มหาอำนาจโลกผู้มีวาทะเพื่อการปกป้องประโยชน์ตนแบบซ้ำซาก ก็ออกโรงสาธยายว่า การยิงจรวดของโสมแดงครั้งนี้เป็นการกระทำบังหน้า แท้จริงแล้วเกาหลีเหนือต้องการทดสอบเทคโนโลยีขีปนาวุธที่สามารถโจมตีข้ามทวีปได้ไกลถึงสหรัฐฯ เจ้าโลกฯ จึงอยากจะให้มังกรจีนใช้อิทธิพลของตนกดดันให้เกาหลีเหนือเลิกล้มแผนการนี้เสีย
จีนบอกแล้วนะ..
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับผู้นำจีนบอกกับรอยเตอร์ว่า “จีนก็ได้กดดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการปล่อยดาวเทียมแล้ว เพราะว่ามันมีความแปรผันสูง ตลอดจนจะทำให้มะกันใช้เป็นข้ออ้างเข้ามากร่างในเอเชียได้”
“จีนก็ไม่อยากเห็นการปล่อยจรวดนำดาวเทียมของโสมแดง เพราะว่า ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้อยู่ในวิถีที่จรวดเกาหลีเหนือจะร่อนมาหล่นโดยมิได้ตั้งใจได้” นอกจากนั้นแหล่งข่าวระบุด้วยว่า ทั้งฝ่ายการเมืองและทุนการเงินในจีนก็เชื่อว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์กระชับแน่นอบอุ่นปานจะกลืนกินกับเกาหลีเหนือสักเท่าใดนัก เพราะเกาหลีเหนือก็ใช่ว่าจะเป็นประเทศว่านอนสอนง่าย
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ต่างพากันลงความเห็นว่า ประเทศจีนผู้ซึ่งป้อนข้าวป้อนน้ำ ปันพลังงานให้กับเกาหลีเหนือ น่าจะมีอิทธิพลที่พอจะกดดันให้เปียงยางเลิกล้มการยิงจรวดได้บ้าง
มะกันบอกจีนนะ..
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนใช้อิทธิพลของตนกับเกาหลีเหนือแทนที่จะทำตัว “ปิดหูปิดตา” และถ้าเกาหลีเหนือไม่เชื่อฟัง ก็ให้จีนคว่ำบาตรไม่ญาติดีด้วย
เมื่อวันจันทร์ (9 เม.ย.) วิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศมะกันเผยว่า “มีสัญญาณมาแล้วว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดลองโครงการนิวเคลียร์ครั้งที่ 3”
“พวกเราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าจีนจะต้องร่วมปกป้องผลประโยชน์ในการช่วยลดปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีลง พวกเราพยายามบอกจีนอย่างต่อเนื่องให้ปกป้องประโยชน์ร่วมกัน”
นูแลนด์แถลงกับนักข่าวว่า โครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 ของเกาหลีนั้นจะต้องส่งผลแย่หรือแย่กว่าการยิงดาวเทียมฯ ในครั้งนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทั้งจีนและเกาหลีเหนือก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่อบอุ่น แม้ว่าจะมีปัญหาตึงเครียดมาทำให้สัมพันธ์ย่ำแย่ไปบ้าง ก่อนที่อดีตผู้นำสูงสุด คิมจองอิลของแดนโสมแดงจะเสียชีวิต เขาก็ได้เดินทางเยือนจีน 4 ครั้ง นับแต่เดือนพ.ค. 2553 จนถึง ส.ค. 2554 บุตรชายของเขา นายคิมจองอึน ผู้นำคนใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่บิดา ก็เชื่อกันว่าเขาเคยมาเยือนจีนร่วมกับบิดาบ้างอย่างน้อยก็ 1 ครั้ง
ยิงจรวดฯ เจตานาดีจริง ๆ นะ..
จรวดที่เกาหลีเหนือจะยิงขณะนี้พร้อมออกจากฐานยิง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตหุบเขาห่างไกลภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ตัวจรวดจะบ่งบอกขีดความสามารถของมันว่า จะมีศักยภาพพอสามารถยิงขีปนาวุธข้ามทวีปไปโจมตีอเมริกาได้หรือไม่
รัฐบาลเปียงยางยืนยันว่า แผนการคราวนี้เป็นการยิงจรวดนำดาวเทียมวิจัยอย่างสันติขึ้นสู่วงโคจร เพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 100 ปีของคิมอิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศ อีกทั้งเพื่อตอกย้ำเกียรติภูมิของ คิม จองอึน หลานปู่ของผู้ก่อตั้งประเทศ ที่เพิ่งขึ้นครองอำนาจในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
“เกาหลีเหนือไม่สามารถปล่อยอะไรได้ ถ้าไม่พึ่งพิงเทคโนโลยีขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งผิดมติสหประชาชาติที่ 1874” นูแลนด์ย้ำ “หากเกาหลีเหนือทำอะไรแม้แต่น้อยก็ถือว่าละเมิดมติสหประชาชาติ”
ทั้งนี้การส่งจรวดขึ้นสู่วิถีโคจรเพื่อเฉลิมฉลองฯ นั้นเป็นประเพณีปฏิบัติที่คล้ายคลึงกันระหว่างผู้นำคอมมิวนิสต์ของทั้งจีนและเกาหลีเหนือ จีนยิงดาวเทียมในปี 2525 และ2530 เพื่อรำลึกวาระครบรอบการจากไปของประธานเหมา เจ๋อตง และในปี 2535 2540 2545 และ 2550 ก็ยิงจรวดฯ ให้สอดคล้องกับวันเกิดพรรคคอมมิวนิสต์ ดังนั้นแล้วไซร้ จีนก็คงจะยากที่ชักจูงให้เกาหลีเหนือยุติการยิงจรวดในครั้งนี้
ยิงจรวดฯ สร้างอำนาจคิมหมายเลข 3 ..
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ปฏิบัติการของเปียงยางนั้นมีเป้าหมายไปไกลกว่าเพื่อการฉลองการเถลิงอำนาจของคิมจองอึน วัยปลาย 20 ผู้นำเกาหลีเหนือที่สืบทอดอำนาจจากครอบครัวรุ่นที่ 3 หลังบิดาเสียชีวิตไปเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา
นักการทูตตะวันตกเผยว่า “หากคิมหมายเลข 3 ต้องการสัญลักษณ์แห่งอำนาจอันชอบธรรมแล้ว การส่งจรวดก็เป็นนัยยะว่าเขามีอำนาจเหนือพรรคแรงงานของเกาหลี”
หากว่าจีนใช้อำนาจของตนไปกดดันเกาหลีเหนือให้ล้มเลิกโครงการฯ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ที่ผู้นำคนใหม่เพิ่งเถลิงอำนาจ ถือว่าเสี่ยงมาก อาจชุดชนวนความไม่มั่นคงในคาบสมุทรฯ อันเปรียบเสมือนปราการตะวันออกของจีนได้
ชิมแจฮุน นักวิเคราะห์ทางการเมืองเกาหลีใต้เผยว่า “คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าจีนมีแรงที่จะกดดันเกาหลีเหนือหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ว่าจีนต้องการจะแสดงอำนาจในการกดดันหรือเปล่า หากว่าจีนแสดงท่าทีไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อยก็ย่อมกระทบต่อคิมจองอึนอยู่แล้ว”
หนุนโสมแดง เท่ากับป้องประโยชน์จีน?
ท้ายที่สุด จีนก็ยังคงเห็นประโยชน์ของระบอบเกาหลีเหนือที่จะเป็นปราการป้องกันภาคีทหารเกาหลีใต้-สหรัฐฯ
ชิมย้ำว่า “สิ่งที่เป็นปัญหาหนักสุดที่จีนกลัวก็คือ ความเป็นประชาธิปไตยและทุนนิยมแบบเกาหลีใต้จะสามารถกลืนกินแผ่อำนาจเต็มคาบสมุทรเกาหลี จีนเกรงว่า หากเป็นเช่นนั้นกองกำลังสหรัฐฯย่อมเข้ามาประจำประชิดชายแดนจีน”
แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า “ขณะนี้จีนยากจะควบคุมเกาหลีเหนือได้ จีนไม่มีทางเลือก นอกจากการส่งความช่วยเหลือไปยังเกาหลีเหนือ หากจีนไม่ส่งอาหารและพลังงานให้เกาหลีเหนือ ก็จะทำให้ชาวบ้านอพยพทะลักเข้ามายังแดนตะวันออกเฉียงเหนือของจีนล้นหลาม”
ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-เกาหลีเหนือเมื่อครั้งต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ขับไล่ทหารมะกันและเกาหลีใต้ช่วงสงครามเกาหลีทศวรรษ 1950-53 หากจีนเป็นฟัน เกาหลีเหนือก็เสมือนริมฝีปาก แต่ต่อมาสัมพันธ์ก็ต้องหันเหเมื่อจีนปฏิรูปและเปิดประเทศ เปียงยางมองว่าจีนทรยศ เมื่อปี 2535 ที่จีนยอมรับสถานะทางการทูตเกาหลีใต้
เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำรุ่นต่อมาของจีน มองว่าความสำเร็จของจีนนั้นไม่ควรเดินบนวิถีเคร่งครัดตามแบบแผนคอมมิวนิสต์เดิม ส่งผลให้คิมจองอิลโกรธมาก
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า จีนแปลงประเทศตัวเองเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเพียงเวลา 3 ทศวรรษ จากการปฏิรูปฯ แต่เกาหลีเหนือยังต้องพึ่งพาจีน จีนมองว่าผู้นำเกาหลีเหนือไร้สามารถที่ไม่อาจเลี้ยงดูปูเสื่อประชาชนของตัวเองได้
“สัมพันธ์ของเรากับเกาหลีเหนือเหมือนริมฝีปากกับฟัน หากไร้ริมฝีปาก ฟันคงเหน็บหนาว แต่ทุกวันนี้ ฟันก็กำลังขบกัดริมฝีฝาก และริมฝีปากก็เริ่มเจ็บแล้วนะ... ”