มังกรแจ๋วลดซื้ออาวุธนอก เพราะผลิตได้เองมากขึ้น

เอเจนซี-- จีนนำเข้าอาวุธน้อยลงมาอยู่ที่อันดับ 4 ของโลก หลังจากครองอันดับหนึ่งอยู่หลายครั้งในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธในประเทศขยายตัว จากผลการสำรวจของสถาบันสวีเดน

ในรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งสต็อกโฮล์ม (Stockholm International Peace Research Institute) หรือ Sipri ระบุว่า จีนได้รับส่งมอบอาวุธสามัญ(conventional weapon) ร้อยละ 5 ของปริมาณอาวุธ ที่มีการส่งมอบระหว่างประเทศในช่วงปี 2550-2554 และคิดเป็นจำนวนเพียงครึ่งหนึ่งของที่อินเดียนำเข้า โดยอินเดียแซงหน้าจีน เป็นชาติผู้รับมอบอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลกในปีที่แล้ว การนำเข้าอาวุธของจีนนี้ยังน้อยกว่าเกาหลีใต้ และปากีสถานอีกด้วย

นายพอล โฮลทอม ผู้อำนวยการโครงการส่งมอบอาวุธของ Sipri ระบุว่า ในบางภาคเช่น เครื่องบินรบนั้น ยกเว้นชิ้นส่วนบางอย่าง เช่นเครื่องยนต์แล้ว นอกนั้น จีนสามารถประกอบระบบขึ้นได้เองเป็นส่วนมากจากฐานการผลิตในประเทศในปัจจุบัน

ทั้งนี้ จีนเตรียมเพิ่มงบประมาณกลาโหมอีกร้อยละ 11 ในปีนี้ ในท่ามกลางภาวการณ์ ที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของจีนกำลังเพิ่มสูงขึ้น การเกิดปัญหาข้อพิพาทดินแดนกับชาติเพื่อนบ้าน และภารกิจข้อผูกพัน ที่เพิ่มมากขึ้นกับประชาคมโลก ดังนั้น จีนจึงจำเป็นต้องมีเรือรบ ขีปนาวุธ และเครื่องบินขับไล่ โดยค่าใช้จ่ายทางทหารของจีนสูงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯเท่านั้น

ขณะเดียวกัน Sipri ระบุว่า ในระหว่างปี 2550-2554 การส่งออกอาวุธจากแดนมังกรกลับเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากช่วง 5 ปีก่อนหน้า และติดอันดับชาติผู้ขายอาวุธรายใหญ่อันดับ 6 ของโลก ตามหลังอังกฤษ โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นจ้าวแห่งการขายอาวุธยุทโธปกรณ์มากที่สุดในโลก หรือร้อยละ 30 ของการส่งป้อนอาวุธในโลกในช่วงดังกล่าว รองมาคือรัสเซียที่ร้อยละ 24

สำหรับการขายอาวุธในช่วงดังกล่าวของจีนนั้น ราว 2 ใน 3 ขายให้กับปากีสถาน ซึ่งเป็นชาติเพื่อนบ้านเพื่อนบ้าน เช่นเครื่องบินขับไล่ JF-17 จำนวน 50 ลำ รถถัง 203 คัน และเรือรบ 3 ลำ

รายงานยังระบุด้วยว่า ปริมาณการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ทั่วโลกในปี 2550-2554 เพิ่มร้อยละ 24 จากช่วงปี 2545-2549 โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนำหน้าภูมิภาคอื่น มีการนำเข้าถึงร้อยละ 44 ตามด้วยทวีปยุโรปร้อยละ 19 ภูมิภาคตะวันออกกลางร้อยละ 17 และทวีปอเมริการ้อยละ 11