เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ผู้แทนจากคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาการเมืองระดับสูงของจีนมีแผนเสนอให้มีการปรับธนาคารใต้ดินที่ปล่อยเงินกู้และระดมทุนอย่างผิดกฎหมาย ให้กลายเป็นธนาคารที่ถูกกฎหมายเพื่อเป็นที่พึ่งทางการเงินของธุรกิจรายย่อย
ข้อเสนอดังกล่าวออกมาในระหว่างการประชุมสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน (CPPCC) ณ กรุงปักกิ่ง และหากนำมาปฏิบัติจริงจะทำให้บรรดาภาคธุรกิจรายย่อยและขนาดกลาง หรือ SMEs ทั้งหลายที่กำลังมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเข้ามากู้กับภาครัฐได้
นักวิชาการและผู้ประกอบการหลายคนชี้ว่า ข้อเสนอปรับธนาคารใต้ดินนี้ อาจจะช่วยไม่ให้เกิดกรณีคดีของเศรษฐินี อู๋ อิง ซ้ำรอยขึ้นมาอีก
เศรษฐินีอู๋ อิง แห่งมณฑลเจ้อเจียง กำลังรอการพิพากษาจากศาลประชาชนสูงสุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอถูกตัดสินประหารชีวิต กรณีระดมทุนโดยมีเจตนาฉ้อโกง เธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา การตัดสินดังกล่าวทำให้เกิดกระแสไม่เห็นด้วยของประชาชนที่เรียกร้องต่อศาลให้มีเมตตา นักวิชาการหลายคนเข้ามาต่อสู้โดยยกหลักฐานวัฒนธรรมการกู้ยืมจากธนาคารใต้ดินที่ฝังรากลึกในหลายมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มณฑลเจ้อเจียง
ศาสตราจารย์หมิงเจอร์ เฉิน ประจำ Darden School of Business แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เผยว่า การปล่อยกู้ผิดกฎหมายนั้นได้เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตกาล เมื่อก่อนบรรดาผู้ประกอบการต้องการเงินทุนจำนวนมากมาตั้งต้นทำธุรกิจ ก็รวมกันไปกู้ยืมแบบไม่เป็นทางการ ก่อนที่จะมีธนาคารบนแผ่นดินจีนด้วยซ้ำ
ชาวบ้านจากหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญาติและสหาย มักจะรวมเงินได้จำนวนหนึ่ง แล้วนำมาตอบสนองความต้องการของสมาชิก และมีรายได้เพิ่มด้วยการคิดดอกเบี้ย
แม้ว่าช่องทางการปล่อยกู้แบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ ปัจจุบันจะจัดว่าผิดกฎหมายของแผ่นดินจีน แต่ข้อห้ามเหล่านี้ก็ไม่เคยทำให้ธนาคารใต้ดินของจีนได้รับผลกระทบใด ๆ
“ประชาชนมีวัฒนธรรมแบบนี้มานาน โดยเฉพาะในเจ้อเจียง พวกเขาเข้าร่วมโดยสมัครใจ สิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำก็คือ ทำให้แน่ใจว่า เงินจำนวนเหล่านี้นำไปลงทุน และไม่มีการฉ้อโกงจริง” จัง เซียวจี้ นักวิชาการแห่งศูนย์วิจัยการพัฒนาของคณะมุขมนตรีจีนเผย
“เคยมีคดีที่หนักกว่าของเศรษฐินีอู๋เสียอีก” หวัง หย่งเจิ้ง เจ้าของกิจการร้านค้าหย่งเจิ้งในนครเทียนจิน กล่าว “ธนาคารใต้ดินส่วนใหญ่ขณะนี้ก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ ถ้าคุณรู้เรื่องนี้แล้ว ทำไมไม่พยายามทำให้มันขึ้นมาอยู่บนดิน (ถูกกฎหมาย) หากว่าคุณจะกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร”
ชาวบ้านยังต้องการกู้เงินจากธนาคารใต้ดินไม่มีที่สิ้นสุดเพราะว่ามีความจำเป็นด้านการเงิน และการนำเงินไปประกอบธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง หากจะมาหวังพึ่งองค์กรปล่อยกู้ที่ถูกกฎหมายคงไม่ทันการ นักวิชาการหลายคนระบุ
ลี่ อู๋เว่ย สมาชิก CPPCC ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ประจำสำนักสังคมศาสตร์เซี่ยงไฮ้ เผยว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะทลายหลักการที่รัฐบาลครอบงำธุรกิจการธนาคารและสถาบันอำนวยการต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือบรรดาธุรกิจ SMEs
ข้อเสนอดังกล่าวออกมาในระหว่างการประชุมสภาที่ปรึกษาการเมืองประชาชนจีน (CPPCC) ณ กรุงปักกิ่ง และหากนำมาปฏิบัติจริงจะทำให้บรรดาภาคธุรกิจรายย่อยและขนาดกลาง หรือ SMEs ทั้งหลายที่กำลังมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเข้ามากู้กับภาครัฐได้
นักวิชาการและผู้ประกอบการหลายคนชี้ว่า ข้อเสนอปรับธนาคารใต้ดินนี้ อาจจะช่วยไม่ให้เกิดกรณีคดีของเศรษฐินี อู๋ อิง ซ้ำรอยขึ้นมาอีก
เศรษฐินีอู๋ อิง แห่งมณฑลเจ้อเจียง กำลังรอการพิพากษาจากศาลประชาชนสูงสุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอถูกตัดสินประหารชีวิต กรณีระดมทุนโดยมีเจตนาฉ้อโกง เธอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา การตัดสินดังกล่าวทำให้เกิดกระแสไม่เห็นด้วยของประชาชนที่เรียกร้องต่อศาลให้มีเมตตา นักวิชาการหลายคนเข้ามาต่อสู้โดยยกหลักฐานวัฒนธรรมการกู้ยืมจากธนาคารใต้ดินที่ฝังรากลึกในหลายมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มณฑลเจ้อเจียง
ศาสตราจารย์หมิงเจอร์ เฉิน ประจำ Darden School of Business แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เผยว่า การปล่อยกู้ผิดกฎหมายนั้นได้เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตกาล เมื่อก่อนบรรดาผู้ประกอบการต้องการเงินทุนจำนวนมากมาตั้งต้นทำธุรกิจ ก็รวมกันไปกู้ยืมแบบไม่เป็นทางการ ก่อนที่จะมีธนาคารบนแผ่นดินจีนด้วยซ้ำ
ชาวบ้านจากหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญาติและสหาย มักจะรวมเงินได้จำนวนหนึ่ง แล้วนำมาตอบสนองความต้องการของสมาชิก และมีรายได้เพิ่มด้วยการคิดดอกเบี้ย
แม้ว่าช่องทางการปล่อยกู้แบบไม่เป็นทางการเช่นนี้ ปัจจุบันจะจัดว่าผิดกฎหมายของแผ่นดินจีน แต่ข้อห้ามเหล่านี้ก็ไม่เคยทำให้ธนาคารใต้ดินของจีนได้รับผลกระทบใด ๆ
“ประชาชนมีวัฒนธรรมแบบนี้มานาน โดยเฉพาะในเจ้อเจียง พวกเขาเข้าร่วมโดยสมัครใจ สิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำก็คือ ทำให้แน่ใจว่า เงินจำนวนเหล่านี้นำไปลงทุน และไม่มีการฉ้อโกงจริง” จัง เซียวจี้ นักวิชาการแห่งศูนย์วิจัยการพัฒนาของคณะมุขมนตรีจีนเผย
“เคยมีคดีที่หนักกว่าของเศรษฐินีอู๋เสียอีก” หวัง หย่งเจิ้ง เจ้าของกิจการร้านค้าหย่งเจิ้งในนครเทียนจิน กล่าว “ธนาคารใต้ดินส่วนใหญ่ขณะนี้ก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ ถ้าคุณรู้เรื่องนี้แล้ว ทำไมไม่พยายามทำให้มันขึ้นมาอยู่บนดิน (ถูกกฎหมาย) หากว่าคุณจะกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น แล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร”
ชาวบ้านยังต้องการกู้เงินจากธนาคารใต้ดินไม่มีที่สิ้นสุดเพราะว่ามีความจำเป็นด้านการเงิน และการนำเงินไปประกอบธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง หากจะมาหวังพึ่งองค์กรปล่อยกู้ที่ถูกกฎหมายคงไม่ทันการ นักวิชาการหลายคนระบุ
ลี่ อู๋เว่ย สมาชิก CPPCC ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ประจำสำนักสังคมศาสตร์เซี่ยงไฮ้ เผยว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะทลายหลักการที่รัฐบาลครอบงำธุรกิจการธนาคารและสถาบันอำนวยการต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือบรรดาธุรกิจ SMEs
