xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ปักกิ่งปรับเป้า GDP ปี 55 โต 7.5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วันนี้ (5 มี.ค.) นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 พร้อมประกาศว่ารัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าหมายอัตราการเจริญเติบโตของ จีดีพีปีนี้ลงเหลือร้อยละ 7.5
ไชน่าเดลี – นายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่าของจีน ประกาศปรับเป้าหมายอัตราการเจริญเติบโตของ จีดีพีปีนี้ลงเหลือร้อยละ 7.5 หรือลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ

เช้าวันนี้ (5 มี.ค.) การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 (เอ็นพีซี) นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แถลงต่อสภาฯ ว่า รัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลงเหลือร้อยละ 7.5

การประกาศดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่รัฐบาลจีนประกาศลดเป้าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยในช่วงที่ผ่านมา จีนตั้งเป้าอัตราการเจริญเติบโตไว้ที่ราวร้อยละ 8 มาโดยตลอด ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังประสบกับภาวะวิกฤต ส่งผลให้อุปสงค์ต่อสินค้าจีนลดลง ทำให้เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องปรับโครงสร้างเพื่อรับมือกับสภาวการณ์ดังกล่าว

“ณ ที่นี้ผมขอเน้นย้ำว่าในการปรับเป้าอัตราการเจริญเติบโตของจีดีพีให้ต่ำลง เพราะเราคาดหวังว่าการปรับลดดังกล่าวจะเหมาะสมกับเป้าหมายของแผนพัฒนาและสังคมแห่งชาติจีนระยะห้าปี ฉบับที่12 (ระหว่างปี 2554 – 2558) เพื่อชี้นำประชาชนในทุกภาคส่วนให้เห็นความสำคัญกับงานของพวกเขา กระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจนั้นมีความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาให้สูงขึ้นไปอีกระดับ และมีคุณภาพที่ดีในระยะยาว” นายกฯ เวินกล่าว

ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนเคยประกาศเป้าหมายของการเจริญเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยภายใต้แผนพัฒนาและสังคมแห่งชาติจีนระยะห้าปี ฉบับที่12 ไว้ร้อยละ 7 ในช่วงปี 2554 ถึง 2558

ในปี 2554 เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวร้อยละ 9.2 และทำให้จีดีพีของจีนพุ่งขึ้นไปแตะ 47.16 ล้านล้านหยวน (ราว 235.8 ล้านล้านบาท) ส่วนในปีก่อนหน้าคือ 2553 เศรษฐกิจจีนก็โตถึงร้อยละ 10.4 ขณะที่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วจีดีพีของจีนกลับโตเพียงร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกันปีต่อปี โดยถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดในช่วงสิบไตรมาสที่ผ่านมา

ปีนี้รัฐบาลจีนได้ตั้งประเด็นสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไว้ว่า คือ “การสร้างความก้าวหน้าควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพ” ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมใหญ่ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกลางเมื่อเดือนธันวาคม ปีกลาย

นายกฯ เวินยังกล่าวด้วยว่าจีนต้องประสบกับปัญหาและความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม โดยผู้นำจีนกล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกด้วยว่า มีความสลับซับซ้อนและรัฐบาลจีนก็ระมัดระวังตัวอยู่

ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับคาดการณ์การเจริญเติบโตของจีดีพีจีนในปี 2555 จากร้อยละ 9 ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในเดือนกันยายน 2554 ลงเหลือร้อยละ 8.2 โดยระบุถึงสาเหตุหลักของการปรับลดดังกล่าวว่าเกิดจากปัญหาวิกฤตหนี้สินที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศยูโรโซน คู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของจีน

ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า จากมุมมองภายในประเทศ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเชิงสถาบัน และโครงสร้าง เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดความสมดุล การขาดการประสานงาน และการพัฒนาที่ขาดความยั่งยืนนั้นมีความจำเป็นเร่งด่วนมากขึ้น และก็แก้ไขได้ยากขึ้นเช่นเดียวกัน

“การปรับเป้าหมายการเจริญเติบโตให้ต่ำลงไม่เพียงสะท้อนถึงทัศนะของรัฐบาลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังหมายความถึงการตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนจุดมุ่งหมายของการพัฒนาไปเน้นที่คุณภาพมากขึ้น เพื่อเอื้อให้เกิดการปฏิรูปของรูปแบบการพัฒนาของประเทศ” นายหวง ไห่ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนให้ความเห็น

แถลงการณ์ดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีจีนยังระบุด้วยว่า จีนจะยังคงดำเนินนโยบายการคลังในเชิงรุก และนโยบายทางการเงินที่รอบคอบ โดยดำเนินการให้เหมาะแก่เวลา เหมาะสม และปรับเปลี่ยนล่วงหน้าให้เหมาะกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ออกนโยบายที่ตรงเป้าหมาย มีความยืดหยุ่น และทันต่อสถานการณ์ด้วยเช่นกัน

“เพื่อประสบผลในการเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เราจะยังคงเดินหน้าเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ ทำให้อุปสงค์จากต่างประเทศมีเสถียรภาพ พัฒนาภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ทำงานหนักเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัจจัยหลากหลายที่ทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพและความไม่แน่นอนทั้งจากในและนอกประเทศ เร่งแก้ไขปัญหาอันมีแนวโน้มว่าจะนำไปสู่สิ่งที่ไม่พึงประสงค์อย่างทันท่วงที รวมไปถึงประคับประคองสมรรถนะทางเศรษฐกิจให้มีความมั่นคง” นายเวินกล่าว

ขณะเดียวกันในปีนี้รัฐบาลจีนก็ตั้งเป้า อัตราการเติบโตของระดับราคาผู้บริโภคไว้ที่ราวร้อยละ 4 โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) นั้นถือเป็นเครื่องชี้วัดสำคัญของภาวะเงินเฟ้อ โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อจีนนั้นเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกันปีต่อปี โดยอัตราดังกล่าวถือว่าปรับลดลงจากร้อยละ 6.5 ของเดือนกรกฎาคม 2554 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 37 เดือน
(ภาพจาก thai.cri.cn)
กำลังโหลดความคิดเห็น