“เหลยเฟิงเกิดใหม่” หนังสือปลุกใจชาตินิยมพรรคคอมมิวนิสต์จีน

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - พรรคคอมมิวนิสต์จีนเดินหน้ารณรงค์ปลุกกระแสชาตินิยม เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปีการเสียชีวิตของเหลย เฟิง บุคคลสำคัญที่พรรคฯ นำมายกย่องเพื่อปลุกกระแสการสร้างชาติและเติมเต็มช่องว่างแห่งศีลธรรมในสังคมจีน

ฝ่ายโฆษณาการของพรรคคอมมิวนิสต์ได้รณรงค์ปลุกกระแส “จิตวิญญาณเหลยเฟิง” ในงานแถลงข่าวกรุงปักกิ่ง (27 ก.พ.)

เหลย เฟิง เป็นทหารของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเสียสละ หลังจากเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในปี 2505 ด้วยอายุเพียง 22 ปี เขากลายมาเป็นผู้มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศหลังจากผู้นำเหมา เจ๋อตงของจีนกล่าววลีเด็ด “จงเรียนรู้จากเหลยเฟิง” หลังจากที่เหลยเสียชีวิตไปได้ 1 ปี และวันจันทร์ก็ได้กลายมาเป็นวันแห่งการ “เรียนรู้จากเหลยเฟิง” ของแผ่นดินใหญ่

สำนักข่าวซินหวายกคำกล่าวของหลัว ซูกัง แห่งฝ่ายโฆษณาการฯ ระบุว่า “จากวลีเรียนรู้จากเหลยเฟิง พวกเราสามารถสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมและแก้ไขความคลางแคลงใจ ตลอดจนประเด็นจริยธรรมอื่น ๆ ในสังคมจีนปัจจุบันนี้”

เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์กังวลว่า ความคลางแคลงใจต่อรัฐบาลกำลังกร่อนเซาะความมั่นคงของชาติ

“หลย เฟิงผู้เสียสละ” ได้กลายมาเป็นตัวแบบสำคัญในการดำเนินชีวิตของชาวจีน นับแต่เขาเสียชีวิตด้วยอายุเพียง 22 ปี ในสมุดบันทึกของเขาซึ่งชาวจีนแผ่นดินใหญ่รุ่นต่อมาหลายรุ่นต้องเรียนรู้ เหลยเขียนวลีทองว่า เขาจะเป็น “สกรูที่ไม่ขึ้นสนิม ในหน้าที่เครื่องจักรกลปฏิวัติ”

สื่อจีนแผ่นดินใหญ่ได้ตีพิมพ์บทความและหนังสือเกี่ยวกับชีวิตฮีโร่วัยหนุ่มคนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครอบรอบฯ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า เป็นการทำให้เหลยเป็นมากกว่ามนุษย์ธรรมดา

การเล่าเรื่องราวของเหลยเฟิงในบรรดาสื่อกระแสหลักของจีน ไม่เพียงแต่เน้นข้อดีของเขาเท่านั้น แต่ยังพยายามแสดงความเป็น เหลยเฟิงตัวจริง บนพื้นฐานของชายหนุ่มที่รักศิลปะการเต้นรำ การถ่ายภาพ และการเขียนกวีด้วย

จดหมายและภาพถ่ายที่ไม่เซ็นเซอร์ของเหลยเฟิงยังได้รับการตีพิมพ์ด้วย ภาพหนึ่งเป็นภาพเหลยเฟิงยืนแบกถุงอยู่หน้าจัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งภาพนี้บรรณาธิการฯได้ตัดออกจากการตีพิมพ์เมื่อ 10 ปีที่แล้วในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นการแสดงออกถึงวิถีชีวิตของพวกชนชั้นกลาง และอาจทำลายภาพลักษณ์ของเหลยด้วย

หลัว เจิ้งอี๋ว์ แห่งสำนักพิมพ์ที่รวบรวมหนังสืองานของเหลยเฟิงฉบับสมบูรณ์ (The Complete Works of Lei Feng) กล่าวว่า “พวกเราต้องการทำให้เหลยเฟิงกลายเป็น คนจริง มากกว่าะจะให้เขาเป็นฮีโร่” นอกจากนั้นหนังสือยังมีเนื้อหาของจดหมายที่เหลยเฟิงเขียนถึงแฟนสาวในทศวรรษ 1950 ด้วย แม้ว่าเดิมทีเนื้อหาเหล่านี้เป็นสิ่งต้องห้ามของพรรคฯ

หนังสือกว่า 100,000 เล่มเริ่มวางขายเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งหลัวเองก็ออกตัวว่าประสบความสำเร็จ เพราะหนังสือได้สะท้อนให้เห็น “ความอ่อนโยนของเหลยเฟิง” ด้วย

สีว์ โหย่วอี้ว์ นักปรัชญาแห่งกรุงปักกิ่งเผยว่า เหลย เฟิงอาจจะกลายเป็นคนดี แต่หากพรรคฯ พยายามจะโฆษณาชวนเชื่อในตัวเขาแล้ว มันก็อาจจะทำให้ดูเกินจริงได้

“การโฆษณาชวนเชื่อครั้งหนึ่งในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมกลายเป็นเรื่องโปกฮา ผู้คนไม่เคยเชื่อถือเรื่องราวของเหลยเฟิงอีกเลย” สีว์กล่าว “กลจักรการโฆษณาชวนเชื่อแบบเก่าไม่ได้ผล ต้องหาหนทางใหม่เพื่อชวนเชื่อประชาชนเสียแล้ว”

“คุณค่าของสังคมเรานั้นเริ่มหลากหลายขึ้น ทำให้การเชิญชวนให้คนมีตัวแบบทางจริยธรรมในมโนสำนึกนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น” ลู่ ย่า รองผู้อำนวยการสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เผยว่า “เยาชนจีนแผ่นดินใหญ่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเหลยเฟิงเพียงผิวเผิน หรือบางคนไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยด้วยซ้ำ”

กัว อี้เฉียง รองผู้อำนวยการด้านการพิมพ์เผยแพร่ของฝ่ายโฆษณาการฯ เผยว่า “เมื่อพวกเรายังเด็ก พวกเราต้องเรียนรู้จากเหลยเฟิงแต่ฝ่ายเดียว และพวกเราไม่เคยตั้งคำถามว่าทำไมพวกเราต้องเรียนรู้จากเขา ตอนนี้เราควรจะบอกต่อสาธารณชนอย่างง่าย ๆ ว่า เหลยเฟิงเป็นคนดี และทุกสังคมก็จะต้อนรับคนดีเช่นเขา”