มังกรไม่รีบร้อนผ่อนคลายนโยบายการเงิน

บลูมเบิร์ก - จีนส่งสัญญาณ ที่จะดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินของประเทศอย่างระมัดระวัง โดยชะลอการประกาศลดสัดส่วนทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์ พลิกความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์หลายคน

บาร์เคลย์ส แคปปิตอล เอเชีย , เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค. และอินดัสเทรียล แบงก์ โค. เคยคาดการณ์เมื่อเดือนนี้ว่า ธนาคารกลางจีนคงจะประกาศลดสัดส่วนทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ก่อนหน้าช่วงวันหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 28 ม.ค.

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางจีนกลับอัดฉีดเงินจำนวน 353,000 ล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินในช่วงสัปดาห์ก่อนถึงวันหยุด โดยใช้สัญญาซื้อคืนพันธบัตรประเภทระยะ 14 วันแทน ซึ่งบาร์เคลย์สระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ผลดีคล้ายกับการลดสัดส่วนทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์

ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่า ได้พยายามบริหารเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก เพื่อฟันฝ่าสภาวการณ์ ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ กำลังชะลอตัว และการเติบโตของภาคการส่งออกจีนอ่อนแอที่สุด นับตั้งแต่ปี 2552 มา โดยที่เศรษฐกิจจีนไม่เกิดฟองสบู่ของสินทรัพย์ หรือดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรประเภทระยะ 14 วัน ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

นายหลู่ เจิงเหว่ย นักเศรษฐศาสตร์ของอินดัสเทรียลแบงก์ในนครเซี่ยงไฮ้ระบุว่า ธนาคารกลางของจีนมุ่งผ่อนคลายนโยบายต่างๆ อย่างระมัดระวัง รวมทั้งการเติบโตของสินเชื่อตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้ เพื่อป้องกันการล้นทะลักของการปล่อยเงินกู้เหมือนเช่นเมื่อปี 2552 และเมื่อปี 2553 ตลอดจนป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อดีดขึ้นอีก

สอดคล้องกับความเห็นของนายมาร์ก วิลเลียมส์ นักเศรษฐศาสตร์ของแคปปิตอล อีโคโนมิกส์ ในกรุงลอนดอน ที่มองว่า จีนไม่ประกาศลดสัดส่วนทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์เป็นการส่งสัญญานจากผู้กำหนดนโยบายว่า จีนไม่มีความรีบร้อน ที่จะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินแต่อย่างใด