ผู้นำคริสต์แถลงสาสน์คริสต์มาส ประณาม “ฮ่องกงเห็นแก่ตัว”

เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์—ผู้นำโบสต์คริสต์นิกายคาทอลิก และแองกลิแคนในฮ่องกงแถลง ประณาม “ความเห็นแก่ตัว” ที่เกิดจากช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ชี้ความมั่งคั่งส่วนบุคคลสวนทางกับจิตวิญญาณที่แท้ของคริสต์มาส

อาร์ทบิชอปแห่งนิกายแองกลิแคน Paul Kwong แถลงสาสน์ประจำเทศกาลคริสต์มาสสู่ชาวฮ่องกงเมื่อวานนี้(24 ธ.ค.) ประณามความเห็นแก่ตัว พร้อมกับยกตัวอย่างเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ตลอดมงก๊ก ถนนฮวาหยวนเมื่อเดือนที่แล้ว ก็เกิดจากรากเหง้าของความเห็นแก่ตัว

อาร์ทบิชอป Kwong มุ่งประณามกลุ่มพ่อค้าหาบเร่ช่างเลือดเย็นในการลุกขึ้นมาประท้วงข้อเสนอเลิกตั้งแผงขายสินค้าตอนกลางคืน ซึ่งเป็นข้อเสนอมาตรการความปลอดภัยหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ การประท้วงของพวกเขาสะท้อนถึงการห่วงแต่ธุรกิจ มากกว่าเหยื่อ 9 ราย ที่ถูกย่างในกองเพลิง

“การรื้อแผงขายสินค้าจำนวนหนึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ชีวิตนั้นสำคัญกว่า ผมนึกไม่ถึงเลยว่าชาวฮ่องกงจะกลายเป็นคนใจดำ เลือดเย็น ที่เห็นธุรกิจสำคัญกว่าชีวิต”

ระหว่างการแถลง Kwong ยังกล่าวที่ดูเหมือนจะอ้างถึงกรณีการสร้างเตาเผาขยะใน Tseung Kwan O เมื่อเดือนเม.ย. ก็เป็นตัวอย่างที่สะท้อนความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นอุปสรรคในการสร้างสาธาณูปโภค ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน แต่ผู้อาศัยในบริเวณออกมาคัดค้านว่าโครงการฯจะทำให้ราคาบ้าน-ที่ดินพวกเขาตกลง และเกิดกลิ่นเน่าเหม็น การจราจรติดหนัก

วันเดียวกัน บิชอปแห่งนิกายคาทอลิก John Tong Hon ก็ส่งสาสน์วันคริสต์มาส ที่มุ่งโจมตีกลุ่มชนชั้นนำการเมืองและกลุ่มที่มั่งคั่ง โดยยกกรณีเด็กหญิงวัยสองขวบในก่วงตง (หรือกวางตุ้ง) ที่ถูกทิ้งให้นอนจมกองเลือดกลางถนนหลังจากที่ถูกรถชนสองครั้ง เป็นเหตุการณ์ที่เสมือนคำเตือนให้พวกเราละทิ้งความเห็นแก่ตัว

“ชาวฮ่องกงจำนวนมากเผชิญความยากลำบากในการหาที่อยู่อาศัย พวกเราหวังและสวดมนต์ภาวนาว่ารัฐบาลของเรา กลุ่มมั่งคั่ง และกลุ่มธุรกิจ จะพยายามเอาจริงในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนนี้ เนื่องจาก บ้านเป็นปัจจัยพื้นฐานและสิทธิพื้นฐานของครอบครัว” บิชอป เทศน์

ขณะเดียวกัน สมาคมผู้อาศัยในเขตมงก๊ก ก็ได้จัดการพบปะเมื่อวานนี้(24 ธ.ค.) เรียกร้องว่า “พวกเราต้องการให้พวกแผงค้าขายเล็กๆเก็บแผงตอนกลางคืนเพื่อมิให้กีดขวางทางเท้า ดังนั้น พวกเราจึงจะสามารถหนีได้ทันการณ์เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉน กลุ่มผู้อาศัยก็กลัวเช่นกันว่าพวกแผงค้าขายจะคิดว่าพวกเราพยายามทำลายธุรกิจของพวกเขา แต่จริงๆแล้วพวกเราเคารพในสิทธิของพวกเขา แต่สิ่งที่เราต้องการคือ ความปลอดภัย”.