xs
xsm
sm
md
lg

สุดรันทด เด็ก 4 ขวบตัวคนเดียว ดูแลพ่อพิการ-แม่อัมพาต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เด็ก 4 ขวบสามารถทำอะไรได้บ้าง? เชื่อว่าส่วนใหญ่คงซุกอยู่ภายใต้อ้อมกอดอันอบอุ่นที่พร้อมจะปกป้องดูแลของพ่อแม่ ทว่าที่หมู่บ้านปาจยาจื่อ ในชนบทอันทุรกันดารห่างจากเมืองฮาร์บิน เมืองเอกของมณฑลเฮยหลงเจียงราว 100 กว่ากิโลเมตร มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุเพียง 4 ขวบ แต่กลับต้องอุทิศชีวิตดูแลทั้งพ่อและแม่ที่พิการ ผู้ที่รับรู้เรื่องราวของเธอล้วนพากันซาบซึ้งระคนรัดทดใจไปกับชะตากรรมของเด็กน้อย

สื่อจีนรายงานว่า หนูน้อยผู้นี้มีชื่อว่า "ซุนเย่ว์" เนื่องจากรับประทานแต่แป้งเปียกต้ม โจ๊กและผักดอง รูปร่างหน้าตาของหนูน้อยจึงค่อนข้างซูบเซียวเพราะขาดสารอาหาร วันที่ผู้สื่อข่าวจีนเดินทางไปพบ เธอสวมเสื้อนวมเก่า ขากางเกงสองข้างขาดปรุเผยให้เห็นกางเกงนวมกันหนาวด้านใน ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าแตะยางคู่เก่าของมารดา ขณะที่ผู้สื่อข่าวจีนเดินทางไปถึงบ้าน หนูน้อยกำลังป้อนน้ำให้มารดาอย่างตั้งอกตั้งใจ มือน้อยๆ ที่ประคองถ้วยน้ำดูหยาบกร้าน อีกทั้งยังสั่นน้อยๆ ขณะที่มารดาดื่มน้ำลงไปทั้งน้ำตา ส่วน ซุน เย่ว์หมิน ผู้เป็นบิดาที่นั่งพิงอยู่อีกด้านหนึ่งของเตาผิงไฟก็ได้แต่มองภาพแม่ลูกด้วยสีหน้ารันทดอับจนหนทาง เมื่อหนูน้อยซุนเย่ว์หันมาเห็นผู้สื่อข่าวจีนที่เป็นคนแปลกหน้าก็รีบหลบเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดแม่ตามวิสัยเด็ก เพียงแต่ส่งแววตาสงสัยจับจ้องมองมาเท่านั้น

จากการสำรวจภายในบ้าน พบว่าบ้านของหนูน้อยซุนเย่ว์ แท้จริงคือห้องเล็กๆ ตีจากไม้กระดานและดินโคลน ความกว้างสิบกว่าตารางเมตร ที่ผนังสี่ด้านแปะแผ่นพลาสติกขาดๆ เอาไว้เพื่อป้องกันความหนาวเย็น ทว่าภายในบ้านยังคงหนาวเหน็บอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีกระเบื้องมุงหลังคา 2-3 แผ่นถูกนำมาบังลมหนาวที่พัดผ่านทางประตู ขณะที่ชายคาบ้านมีถ่านกองหนึ่งที่ผู้ใจบุญเพิ่งนำมาบริจาคให้เมื่อ 2 วันก่อน บริเวณทำครัวมีมันฝรั่งอยู่ 2 ถุงซึ่งเป็นผักทั้งหมดที่ครอบครัวนี้มีไว้กินตลอดฤดูหนาว ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านประกอบด้วยโทรทัศน์เก่าๆ 1 เครื่องกับไฟฉายเท่านั้น ไร้ซึ่งตู้ โต๊ะ หรือเก้าอี้แม้แต่ตัวเดียว

ซุน เย่ว์หมิน ปัจจุบันอายุ 46 ปี เล่าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า เขาและ จานเจวียน ผู้เป็นภรรยาแต่งงานกับเมื่อปีพ.ศ. 2531 กระทั่งปีพ.ศ. 2537 จึงพากันไปรับจ้างหาปลาแถบลุ่มแม่น้ำอูซูหลี่ เนื่องด้วยภรรยาต้องการหาเงินให้ได้มากๆ จึงมักจะลงไปจับปลาท่ามกลางกระแสน้ำที่หนาวเย็นของฤดูหนาว จนกระทั่งเป็นโรคเหน็บชาขั้นรุนแรง ต่อมาปี พ.ศ.2542 ก็เกิดเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบตามมา ทำให้ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ครอบครัวต้องเป็นหนี้นอกระบบราว 7-8 หมื่นหยวน(ราว 3.5-4 แสนบาท)เพื่อนำเงินมารักษาภรรยา สุดท้ายอาการของจานเจวียนดีขึ้นเล็กน้อย สามารถลุกขึ้นมาทำอาหารง่ายๆ ได้บ้าง

ต่อมา พ.ศ.2549 จานเจวียนก็ตั้งครรภ์ "การตั้งท้องเป็นเรื่องที่ควรจะดีใจ แต่ผมกับภรรยาทุกข์หนัก ต้องการจะเอาเด็กออกเพราะกลัวไม่มีปัญญาเลี้ยง แต่หมอคัดค้านว่าการทำแท้งจะยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายของจานเจวียน เมื่อไม่มีทางเลือก ภรรยาของผมจึงอุ้มท้องและคลอดซุนเย่ว์ออกมาเมื่อเดือนกันยายนของปี พ.ศ.2550" ซุน เย่ว์หมิน รำลึกความหลังให้ฟัง

จากนั้นเพื่อให้บุตรสาวมีชีวิตที่ดี ซุน เย่ว์หมินผู้เป็นพ่อจึงได้ตัดสินใจเข้าไปทำงานรับจ้างในเมือง "ตอนนั้นผมคิดว่าด้วยแรงกายของผม ปีๆ หนึ่งสามารถหาเงินได้สัก 3-5 หมื่นหยวน(ราว1.5-2.5 แสนบาท) น่าจะพอรักษาภรรยาและส่งลูกสาวเข้าโรงเรียน" ซุน เย่ว์หมินกล่าว

เดือนพฤษภาคมของปีนี้ ซุน เย่ว์หมินรับงานรับจ้างขุดบ่อเกรอะในมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาร์บิน "เพื่อหาเงินให้มาก ผมไม่กลัวงานหนัก ไม่กลัวสกปรก งานอะไรก็ผมก็ทำได้" ทว่าโชคชะตาไม่เคยละเว้นให้ใคร เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม เกิดเหตุดินทรุดตัว ทำให้เขาพลัดตกลงไปในบ่อลึก 4 เมตร แพทย์แผนกศัลยกรรมทรวงอก โรงพยาบาลฮาร์บินต้องทำการผ่าตัดเปิดทรวงอก เนื่องจากอาการค่อนข้างสาหัส มีกระดูกหักหลายแห่ง หลอดเลือดหัวใจเสียหาย ซุน เย่ว์หมินนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกว่า 20 วัน หมดเงินค่ารักษาไปถึง 1.6 แสนหยวน(ราว 8 แสนบาท) เขากลับบ้านด้วยร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับเงินชดเชยจากผู้รับเหมาเพียง 6 หมื่นหยวน(ราว 3 แสนบาท) เท่านั้น โดยซุน เย่ว์หมิน นำเงินจำนวนนั้นไปใช้หนี้สินที่ครอบครัวติดค้างอยู่ ซึ่งปัจจุบันยังคงเหลือหนี้ที่ยังใช้คืนไม่หมดอีกกว่า 1 หมื่นหยวน(ราว 5 หมื่นบาท)

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมในครั้งนี้ ทำให้ภรรยาผมกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างมาก จนร่างกายกลายเป็นอัมพาตโดยสิ้นเชิง เราสองคนกลายเป็นคนพิการ ไม่มีรายได้เข้าบ้าน คนในบ้านจึงมีกินแค่แป้งเปียกต้ม โจ๊กและผักดอง ไม่มีปัญญาซื้อยามากิน อย่างมากก็กินเมล็ดฟักทองซึ่งเป็นสูตรยาจีนเท่านั้น" ซุน เย่ว์หมินกล่าวด้วยความทอดอาลัย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสองสามีภรรยา ทำให้ภาระหนักมาตกแก่ลูกสาวตัวน้อยที่ปีนี้เพิ่งจะอายุได้ 4 ขวบ หนูน้อยผู้นี้ต้องทำงานบ้านเองแทบทุกอย่าง ทั้ง ก่อไฟ หุงหาอาหาร ซักผ้า รวมทั้งป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอุจจาระปัสสาวะให้กับบุพการีที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยสองมือน้อยๆ ของเธอ ซุน เย่ว์หมินผู้พ่อเล่าว่า ครั้งหนึ่งขณะที่เขานั่งอยู่บนรถเข็นที่ผู้ใจบุญบริจาคมาให้ และกำลังช่วยลูกสาวตัวน้อยทำอาหารอยู่นั้น หนูน้อยซุนเย่ว์ไม่ทันระวังทำชามใส่โจ๊กร้อนๆ หกใส่ขาของผู้เป็นพ่อ จนตกใจร้องไห้โฮ ซุน เย่ว์หมินต้องกอดลูกสาวตัวน้อยเอาไว้และปลอบเธอทั้งน้ำตาเช่นกันว่า "ลูกรัก พ่อไม่โทษหนูหรอก ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อใช้การไม่ได้เอง"

ซุน เย่ว์หมินเปิดเผยว่า หลายครั้งหลายหนที่เขาและภรรยาพยายามที่จะส่งบุตรสาวคนเดียวไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ในครอบครัวที่ดี เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องมาจมปลักอยู่ในบ้านที่มีแต่คนพิการ ทว่าหนูน้อยซุนเย่ว์ไม่ยอมไป เธอมักจะกอดพ่อไว้แน่นด้วยน้ำตานองหน้าพลางกล่าวว่า "หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วใครจะเลี้ยงพ่อกับแม่" จากนั้นหนูน้อยจึงเป็นโรคกลัวคนแปลกหน้า เพราะเกรงว่าจะมาเอาตัวเธอไปจากบ้านหลังนี้

หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ เมื่อเด็กหญิงซุนเย่ว์เริ่มคุ้นเคยกับผู้สื่อข่าว จึงค่อยๆ คลายความกลัวและกลับมาสาละวนกับงานบ้านต่อไป บางทีก็หันไปหยอกเย้าเล่นกับสุนัขของเพื่อนบ้าน ซึ่งดูเหมือนจะมีเพียงเวลานี้เท่านั้น ที่ใบหน้าน้อยๆ เลอะเขม่าควัน เผยรอยยิ้มอันใสบริสุทธิ์ออกมา






กำลังโหลดความคิดเห็น