เอเยนซี - หลังข่าว “จุมพิตแม่เทพธิดา” หลิว เหวินซิ่วช่วยชีวิตเด็กหนุ่มคลั่งโดดสะพานฆ่าตัวตายที่เมืองเซินเจิ้นได้แพร่ออกไป ก็ได้รับความสนใจจากทั้งสื่อจีนและประชาชนจำนวนมาก
วิธีการช่วยเหลือของเธอกำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “การพลีจูบของสาวงาม” ที่ลดคุณค่าของลูกผู้หญิง แต่กลุ่มคนที่สรรเสริญความกล้าหาญและสดุดีวีรกรรมของเธอมีมากกว่า
“ชีวิตของเธอหลังจากวันนั้นเป็นอย่างไร การงานของเธอดีขึ้นหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยามีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ ในทางกฎหมายหากเด็กหนุ่มคนนั้นโดดลงไปจริงเธอจะมีความผิดหรือไม่” กำลังเป็นคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับตัวหลิว ในขณะนี้
หลิว เหวินซิ่วกลับบ้านแล้ว
เมื่อบ่ายวันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวจีนได้ลองติดต่อหลิว เหวินซิ่วอีกครั้ง ทราบว่าเธอกลับบ้านเกิดที่อำเภอเปิ้งปู้อู่เหอในมณฑลอานฮุยพร้อมกับพี่สาวแล้ว นักข่าวพบว่าพี่สาวของเธอเป็นคนพิการเดินทางคนเดียวลำบาก เธอจึงต้องคอยดูแลพี่สาวด้วยความเอาใจใส่
เมื่อได้ยินว่ามีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจเรื่องราวของเธอ และต้องการทราบเหตุการณ์โดยละเอียด หลิว เหวินซิ่วนิ่งเงียบอยู่นาน แล้วพูดว่า “หนูแค่ทำเรื่องเล็กๆ เพียงเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ และเรื่องก็ผ่านมาแล้วไม่อยากไปคิดอะไรมากอีกค่ะ”
เธอเล่าต่อด้วยท่าทีอันสุขุม “หนูได้คุยกับคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วค่ะ เล่าให้ท่านฟังว่าหนูได้ช่วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งไว้ แม่บอกว่าหนูโง่ ท่านถามว่าหนูไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองในตอนนั้นเลยหรือ หนูตอบท่านว่า ตอนนั้นหนูไม่ได้คิดอะไรมากจริงๆ แค่คิดว่าไม่อยากเห็นคนคนนึงต้องตายไปต่อหน้าค่ะ”
หลิว เหวินซิ่วบอกกับผู้สื่อข่าวอีกด้วยว่า ตอนที่ทางตำรวจกำลังลงบันทึก เธอได้โทรศัพท์ไปหาหนุ่มวัยรุ่นที่คิดกระโดดสะพานคนนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย
“อาจเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้เขาโทรหาหนูตอนโทรศัพท์หนูถูกระงับ แต่หนูก็หวังว่าเขาจะโทรหาหนูอีกนะคะ หนูอยากทราบว่าเขาเป็นยังไงบ้าง เขายังเด็กอยู่เลยค่ะ”
หลังสื่อกระพือข่าว
ทั้งสำนักข่าวซินหวา ซินหลั่ง และเฟิ่งหวงต่างก็ตีแผ่เรื่องราวของหลิว ผู้สื่อข่าวได้แต่หวังว่าสาวน้อยฯ จะเข้ามาอ่านและพูดคุยกับชาวเน็ตบ้าง แต่ที่บ้านของเธอไม่มีคอมพิวเตอร์ ทำให้เธอไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้ ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับตัวเธอในโลกออนไลน์เลย
สถานีโทรทัศน์มณฑลอานฮุย และหนังสือพิมพ์อันฮุยช่วงเย็น(ซินอันหวั่นเป้า) ก็พยายามควานหาตัวหลิว เหวินซิ่ว เพื่อสอบถามรายละเอียดเหตุการณ์ให้กระจ่างขึ้น แต่ความกระตือรือร้นของนักข่าวทำให้เธอรู้สึกกดดัน
เธอกล่าวว่า “บางทีหนูอยากจะ ‘หลบ'ไปเสียด้วยซ้ำ ที่จริงเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่กลับทำให้หนูต้องคิดหนัก และไม่เป็นไปตามความตั้งใจเดิมของหนูเลย หนูเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง ไม่ได้อยากโด่งดังอะไร”
หลังจากนี้สองวัน หลิว เหวินซิ่วจะกลับจากมณฑลอันฮุยไปทำงานและใช้ชีวิตที่เซินเจิ้นต่อไป เธอเผยว่า “หนูไม่คิดเลยว่าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ทั้งยังให้เงินรางวัลและสนับสนุนหน้าที่การงานแก่หนู หนูคิดไม่ถึงเลยจริงๆ แต่สำหรับสิ่งดีๆ ที่หนูทำลงไปนั้น หนูตั้งใจทำและไม่ละอายที่จะทำดี”
จูบนี้ ควรชื่นชม
เมื่อหนุ่มวัยรุ่นเกิดความสิ้นหวังและพร้อมตาย จูบนั้นของเธอ หลิว เหวินซิ่ว สามารถช่วยชีวิตเด็กหนุ่มผู้นั้นได้จริงหรือ คำตอบคือ “แน่นอนที่สุด”
วานนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวจีนได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา โรงพยาบาลเซินเจิ้น แห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (เป่ยต้าเซินเจิ้นอีย่วน) นายแพทย์หลี่ ซือเท่อ กล่าวว่า “จูบของเธอในขณะนั้นไม่ได้เป็นการแสดงความรู้สึกง่ายๆ ระหว่างชายหญิง แต่เธอเห็นค่าของชีวิตคนต่างหาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้คำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้ แต่นี่เป็นปฏิกิริยาโดยธรรมชาติที่เกิดจากสัญชาตญาณของคนเรา คนที่มีสติปัญญาระดับปกติ ในสถานการณ์เป็นตายเช่นนั้น ชีวิตคนเราสำคัญที่สุด ก็เหมือนกับการเป็นหมอ สิ่งที่หมอต้องตระหนักไม่ใช่เรื่องเพศ แต่เป็นชีวิตคน การกระทำของคุณหลิว เหวินซิ่วอธิบายประเด็นนี้ได้ชัดเจนครับ”
นายแพทย์ หวัง เสี่ยวจิงผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจากโรงพยาบาลเดียวกัน ก็แสดงความเห็นด้วยอย่างยิ่งกับวิธีการช่วยชีวิตของเธอ “ภายใต้สภาพการณ์ในขณะนั้น เธอสามารถร่วมปรับทุกข์กับเด็กหนุ่มที่คลั่งอยู่ และร้องไห้ไปด้วยกัน ทั้งยังแบ่งปันความปวดใจของอีกฝ่ายได้ นี่ถือเป็นเรื่องที่ยากมากครับ ในทางจิตวิทยาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน ตอนแรกเธอคิดแต่จะช่วยชีวิตเขา ไม่ได้สนใจเรื่องเพศภาวะและใช้วิธีนี้ทำให้เขาสงบลงได้ ถือว่าได้ผลมาก!”
“ในการดำเนินชีวิตของพวกเรา ช่วงที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ความคิดของคนเราจะสับสนวุ่นวาย แต่ถ้ามีคนคอยรับฟัง แบ่งปันความทุกข์ของเขา เกลี้ยกล่อมและช่วยเหลือเขา ก็จะสามารถช่วยรักษาชีวิตของคนอีกคนหนึ่งไว้ได้”
ทั้งนี้ศาสตราจารย์อี้ ซงกั๋ว คณบดีคณะสังคมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเซินเจิ้นก็เห็นด้วยกับการ “จุมพิตช่วยชีวิตของเด็กสาว”
นายหลัว หูจิ่ง พยานผู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น (9 มิ.ย.) ก็แสดงความซาบซึ้งตื้นตันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำนองเดียวกัน เขากล่าวว่า “ตอนผมอยู่ในที่เกิดเหตุ พวกเราเห็นท่าทางของเธอแล้ว กลับไม่ได้สงสัยเลยว่าเธอกับเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้า เห็นพวกเขาสองคนกอดคอร้องไห้ปรับทุกข์กัน พวกเรายังคิดเลยว่าเขาต้องเป็นคู่รักกันแน่ๆ เธอเข้าไปช่วยคนโดยไม่คิดชีวิต ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากนะครับ พอได้ยินว่าเธอกับเขาไม่รู้จักกันมาก่อน ตอนนั้นพวกเราก็ยังไม่เชื่อเลย คิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกิน แต่มาตอนนี้ ผมชื่นชมหญิงสาวคนนี้มากครับ เธอทั้งกล้าหาญและมีไหวพริบดี”
แล้วถ้าตอนนั้นเด็กหนุ่มเกิดกระโดดลงมา คุณหลิว เหวินซิ่วจะต้องรับผิดชอบหรือไม่
ศาสตราจารย์เจ้า หมิงซินอธิบายเรื่องนี้ว่า “ทั้งหมดที่เด็กสาวคนนี้ทำก็เพื่อช่วยชีวิตคน ช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนั้น ไม่ได้ทำลายความปลอดภัยในชีวิตของเขาเลย ถ้าเกิดเด็กชายคนนั้นกระโดดลงมาจริง ก็เป็นพฤติการณ์ของเขาเอง เด็กสาวไม่มีความผิดครับ และผมก็เห็นว่าเธอกล้าหาญชาญชัยมาก เรื่องนี้พบได้น้อย จริงๆ ผมว่าสิ่งที่เธอทำควรค่าแก่การยกย่องครับ”
คลิกอ่านและชมคลิป : 'จุมพิตแม่เทพธิดาเดินดิน' ช่วยชีวิตหนุ่มวัยรุ่นคิดสั้น