เอเจนซี-กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมการแพร่กระจายอาวุธอัดการวิจัยของนักศึกษามหาวิทยาลัยดังในสหรัฐอเมริกา ซึ่งการวิจัยฯนี้ระบุว่าจีนน่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์มากกว่าที่คิด ถึง 3,000 ลูก!
สืบเนื่องจากวอชิงตันโพสต์ได้นำเสนอรายงานบทความในวันพุธ(30 พ.ย.) เผยการวิจัยอาวุธของจีน จัดทำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ตีแผ่การสำรวจเครือข่ายอุโมงค์ต่างๆที่เก็บขีปนาวุธของจีน และสรุปว่าพญามังกรมีหัวรบนิวเคลียร์มากถึง 3,000 ลูก มากกว่าที่คาดประมาณกันในขณะนี้ ซึ่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมอาวุธประมาณกันว่าจีนน่าจะมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ที่ราว 250 ลูก เท่านั้น
ที่ปรึกษาการวิจัยฯชิ้นนี้คือ ฟิลิป การ์เบอร์ (Phillip Karber) เคยดำรงตำแหน่งใหญ่ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือเพนทากอน การจัยฯรวบรวมข้อมูลโดยการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต อาทิ กูเกิล เอิร์ธ บล็อกต่างๆ และสื่อด้านการทหาร แหล่งข้อมูลยังรวมถึงนิยายวิทยาศาสตร์ในรายการโทรทัศน์จีน และรายงาน 400 หน้า ของ Second Artillery Corps ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลอาวุธยุทธศาสตร์ของจีน
รายงานการวิจัยฯ ซึ่งมีความยาว 363 หน้า ไม่ได้ถูกนำออกเผยแพร่แก่สาธารณ มีเพียงเพนทากอนที่นำไปเผยแพร่ภายในองค์กร และยักษ์ใหญ่สื่อมะกันวอชิงตันโพสต์ก็ได้นำเสนอบทความรายงานการวิจัยฯนี้เมื่อวันพุธ(30 พ.ย.) จุดกระแสความสนใจในวงการและสื่อทั่วโลก
แต่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามแกะรอยอาวุธนิเคลียร์ และคลังแสนอาวุธของจีน ได้โจมตีการวิจัยฯชิ้นนี้ อาทิ ผู้อำนวยการโครงการข้อมูลนิวเคลียร์ แห่งสมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์แห่งสหรัฐฯ (Federation of American Scientists) นาย ฮันส์ คริสเทนเซน (Hans Kristensen) ชี้ว่า จีนไม่มีวัตถุดิบเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เพียงพอสำหรับผลิตหัวรบได้ถึง 3,000 ลูก ทั้งไม่มีระบบสำหรับยิงหัวรบมากมายขนาดนั้น มันเป็นการประเมินและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเลย
นาย ฮันส์ คริสเทนเซน และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ต่างกล่าวว่าการสรุปว่าจีนมีคลังอาวุธมหึมา มีหัวรบนับพันๆลูก มาจากแหล่งข้อมูลที่เก่าล้าสมัยและคลุมเครือ
กรีกอรี คูลัคกี้ (Gregory Kulacki)นักวิเคราะห์ของอาวุโสของ Union of Concerned Scientists ผู้ได้ติดตามโครงการอวกาศและยุทธศาสตร์ของจีน ก็ว่ารายงานขนาดกองกำลังอาวุธนิวเคลียร์ของจีน มีฐานข้อมูลส่วนใหญ่จากข้อความที่โพสต์บนบล็อกของจีน
“ที่แย่มากคือ ทั้งการ์เบอร์และนักศึกษาของเขา ไม่ได้ค้นหาและทำการประเมินแหล่งข้อมูลดั้งเดิมของบทความที่พวกเขาเอามาอ้างอิงเรื่องขนาดของคลังอาวุธจีน บทความนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารของฮ่องกง คือ 'The Trend’ ไม่ใช่เอกสารของรัฐบาลจีนอย่างที่การ์เบอร์อ้าง...ดังนั้น มันไม่ใช่งานวิชาการที่เชื่อถือได้” คูลัคกี้ ระบุในบทความที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสฯ(1 ธ.ค.) บนเว็บไซต์ของ Union of Concerned Scientists
บทความของวอชิงตันโพสต์ ยังได้ระบุว่ารายงานของจอร์จทาวน์ยังได้พยายามแฉเครือข่ายลับในอุโมงค์ต่างๆของจีน มีการเสนอภาพ และข้อมูลการฝึกฝนขีปนาวุธ และการปลอมแปลงรถผู้โดยสารเพื่อขนส่งขีปนาวุธพิสัยไกล
คริสเทนเซนโต้แย้งข้อมูลนี้ว่า เครือข่ายใต้ดินในประเทศจีน เกิดในยุคทศวรรษ 1950 และก็ไม่ใช่ความลับของประเทศที่จะต้องเก็บซ่อนอาวุธของตนให้รอดพ้นจากการโจมตี “ประเทศไหนๆก็ทำกันอย่างนี้ จีนก็ทำเช่นกัน”
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสในเพนทากอนกล่าวโดยไม่เผยนามว่า เพนทากอนได้ดูรายงานการวิจัยฯนี้ แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะทบทวนการประเมินขนาดคลังแสงอาวุธของจีนใหม่
ทั้งนี้ เพนทากอนได้เสนอรายงานแก่สภาคองเกรสในปีนี้ ระบุเป็นไปได้ว่าจีนมีอุโมงค์ 5,000 กม. และบางทีก็ปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายเหล่านี้ นั่นก็อาจเป็นสัญญาณเกี่ยวกับคลังอาวุธนิวเคลียร์ของจริงที่มีอยู่ไม่มากนักของจีน.
ความสามารถด้านนิวเคลียร์ของชาติต่างๆทั่วโลก
รัสเซีย มีหัวรบนิวเคลียร์ ทั้งสิ้น 11,000 ลูก
สหรัฐฯ มีหัวรบนิวเคลียร์ ทั้งสิ้น 8,500 ลูก
อื่นๆ (จีน,สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, ปากีสถาน อินเดีย, เกาหลีเหนือ) มีหัวรบนิวเคลียร์ ทั้งสิ้น 1,000 ลูก
แหล่งที่มา: USC US-China Institute (โดยอ้างแหล่งข้อมูลอ้างอิง กระทรวงกลาโหมสรัฐฯ,กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ,International Institute for Strategic Studies, สำนักข่าวซินหวา, CIA World Factbook)