ซั่งไห่เดลี - จีนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 1,500 ล้านตันระหว่างปี 2549-2553 หากเทียบกับบรรดาประเทศต่าง ๆ ถือว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจีนลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากสุดในโลก
ซินหวาอ้างรายงานการพัฒนาเพื่อลดปริมาณคาร์บอนของจีน ระบุว่า ความเข้มข้นในการบริโภคพลังงานต่อหน่วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของจีนลดลง 19.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่ผ่านมาเทียบกับปี 2548 เท่ากับว่าจีนได้ประหยัดการใช้พลังงานถ่านหินไปได้ถึง 630 ล้านตัน ซึ่งปริมาณดังกล่าวทำให้จีนไม่ต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 1,500 ล้านตัน
รายงานดังกล่าวตีพิมพ์โดยสถาบันเศรษฐกิจการลดใช้พลังงานคาร์บอนแห่งโลก มหาวิทยาลัยเศรษฐกิจและธุรกิจสากล และสำนักพิมพ์สำนักสังคมศาสตร์จีน
รายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ (26 พ.ย.) ระบุว่า แม้ว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนซึ่งมีฤทธิ์ทำลายชั้นบรรยากาศมากสุดในโลก แต่จีนก็ได้เป็นประเทศใหญ่สุดในโลกที่ลดการปล่อยก๊าซฯ ด้วยเช่นกัน
"นโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจีนนั้นถือว่าเข้มงวดและมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก" รายงานฯ แถลงไข
รายงานยังเผยอีกว่า "5 ปีที่ผ่านมา จีนรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยอยู่ที่ 11.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลให้อัตราการบริโภคพลังงานเพิ่มขึ้นปีละ 6.6 เปอร์เซ็นต์"
นอกจากนั้น จีนพยายามปิดแหล่งพลังงานปล่อยความร้อนที่ไร้ประสิทธิภาพหรือปล่อยมลพิษเกินมาตรฐาน ทำให้สามารถตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงไปได้ 50 ล้านตันทีเดียว
นับจากปี 2550 ถึงปี 2552 จีนได้ปิดแหล่งพลังงานที่ปล่อยความร้อนฯ ที่มีศักยภาพผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 54 ล้านกิโลวัตต์
จีนยังคงสามารถปิดโรงงานอุตสาหกรรมที่ด้อยมาตรฐานจำพวกโรงงานโลหะ โรงงานปูนซีเมนต์ และเหมืองถ่านหินในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น จีนระดมโครงการประหยัดพลังงาน 10 โครงการ รวมทั้งการพัฒนาเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าพลังไอน้ำโดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ยกระดับประสิทธิภาพเเครื่องกระจายพลังงานความร้อน สนับสนุนให้อาคารบ้านเรือนของประชาชนและสำนักงานรัฐเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมติดตั้งระบบหลอดไฟคาร์บอนต่ำด้วย
รายงานชี้ว่า โครงการเหล่านี้ช่วยให้จีนสามารถประหยัดการบริโภคพลังงานจากถ่านหินได้ถึง 240 ล้านตัน ซึ่งทำให้ลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 550 ล้านตัน
ความพยายามในการเพิ่มช่องทางพลังงานทางเลือกและโครงการปลูกป่าทดแทนนั้น จะช่วยให้สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซฯ ได้
ขณะนี้ผืนป่าในจีนมีสัดส่วนเป็น 20.36 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจาก 18.2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2548
ในอีก 5 ปีนับจากนี้ จีนได้ตั้งเป้าหมายตัดลดความเข้มข้นในการบริโภคพลังงานอยู่ที่ 16 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มช่องทางการใช้พลังงานที่ไม่ได้เกิดจากฟอสซิลหรือพลังงานทางเลือก ขึ้นเป็น 11.4 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการบริโภคพลังงานในแต่ละปี
นอกจากนั้นยังมีแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์เทียบกับระดับที่ปล่อยในปี 2553 และนับเป็นครั้งแรกที่จีนบรรจุเรื่องนี้ลงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปีของตน.