เอเอฟพี - ผลการศึกษาวิจัยเผยวานนี้ (25 ต.ค.) ว่า อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากอันเป็นผลมาจากสภาวะโลกร้อน กร่อนเซาะธารน้ำแข็งหิมาลัยในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนให้ละลายลง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การท่องเที่ยว และการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ข้อมูลจากการศึกษา ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารเอ็นไวรอนเม้นต์ รีเสิร์ช เล็ทเทอรส์ ของอังกฤษ ระบุว่า “ในบรรดาสถานีตรวจอากาศ 111 แห่งทั่วภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ร้อยละ 77 พบว่า มีการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิอากาศทีละน้อยในช่วงปี 2504-2551”
ข้อมูลจากสถานีติดตาม 14 แห่งซึ่งตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 4,000 เมตร เผยว่า อุณหภูมิในช่วงดังกล่าวกระโดดขึ้นมา 1.73 องศาเซลเซียส ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของอัตราเฉลี่ยอุณหภูมิของทั้งโลกเมื่อศตวรรษที่แล้วทีเดียว
หลี่ จงซิง นักวิจัยประจำสำนักสังคมศาสตร์จีน ระบุว่ามีการเปลี่ยนแปลง 3 ครั้งกับธารน้ำแข็ง ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำแข็งละลาย และสาเหตุที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ “ภาวะโลกร้อน”
รายงานระบุว่า “การตรวจสอบพบว่าธารน้ำแข็งหลายแห่งกำลังละลายอย่างน่ากลัว จนทำให้เสียมวลน้ำแข็งไปเป็นจำนวนมาก”
ลุ่มน้ำเผิงฉี่ว์ ซึ่งมีธารน้ำแข็ง 999 แห่ง ได้สูญเสียพื้นที่ธารน้ำแข็งไปแล้ว 131 ตร.กม. ในช่วงกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา (จากปี 2523 จนถึงปี 2544)
ผลการศึกษายังระบุด้วยว่า ทะเลสาบธารน้ำแข็ง ที่รองรับน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งกำลังเพิ่มขยายตัวขึ้น นั่นก็แสดงว่า น้ำแข็งกำลังละลายกลายเป็นน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ
นักวิจัยเตือนว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กำลังกลายเป็นปัญหาที่น่ากังวล ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศให้เปลี่ยนสภาพไป
“ธารน้ำแข็งเป็นการผสมผสานนับพันปีของระบบนิเวศตามธรรมชาติ และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการค้ำจุนประชากรมนุษย์ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้”
ข้อมูลระบุว่า แถบตะวันตกเฉียงใต้ของจีนมีธารน้ำแข็ง 23,488 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 29,523 ตร.กม. ผ่านภูเขาหิมาลัยและ Nyainqntanglha, Tanggula และแถบภูเขาเหิงต้วน
การศึกษาเผยอีกว่า “การเปลี่ยนแปลงในเรื่องปริมาณน้ำฝนและหิมะนั้นอยู่ในระดับที่ไม่มาก และสอดคล้องกับรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงที่ได้คาดการณ์ไว้”
“มันคงเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเราจะต้องกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ และความแปรผันของธารน้ำแข็ง เพราะว่าขณะนี้ธารน้ำแข็งเริ่มลดลงมากแล้ว” หลี่ทิ้งท้าย