เอเอฟพี - ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่วของไต้หวัน เผยว่า ไต้หวันควรจะพิจารณาลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับจีนแผ่นดินใหญ่ภายในทศวรรษหน้า เพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่อึมครึมไม่ชัดเจนมาตั้งแต่ปี 2492 อย่างเป็นทางการเสียที
ข้อตกลงสันติภาพฯ นี้ กำลังเป็นที่ถกเถียงซึ่งจะเป็นประเด็นร้อนที่สุดในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างจีนและไต้หวัน ซึ่งหม่าอิงจิ่วย้ำว่า “สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนเห็นด้วยเท่านั้น”
ผู้สื่อข่าวอ้างคำกล่าวของหม่า ว่า “ความสัมพันธ์สองฝ่ายค่อย ๆ ยกระดับขึ้นอย่างช้า ๆ และมีระเบียบมารยาทที่ดี ขณะนี้พวกเรากำลังคิดอย่างระมัดระวังพิจารณาว่า จะสามารถลงนามในข้อตกลงสันติภาพภายในทศวรรษหน้าได้หรือไม่”
“เงื่อนไขประการแรกก่อนที่จะเข้าสู่การลงนามข้อตกลงสันติภาพนี้ก็คือ ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนไต้หวันอย่างยิ่งยวดเท่านั้น” หม่าเผย
ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว กำลังใกล้จะหมดวาระ 4 ปี ก็ได้ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีในสมัยหน้า ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในช่วงกลางเดือนม.ค. ปี2555
ในสมัยแรกของหม่า นโยบายหลักก็เน้นไปในทางฟื้นฟูเศรษฐกิจแลกเปลี่ยนกับจีน ตามปรัชญาที่ว่า การค้าและการลงทุนเป็นสิ่งที่ไม่เครียดหรือจำกัดเท่ากับการเจรจาทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ก็มีกระแสกังวลว่า ในสมัยที่ 2 หากหม่าได้รับการเลือกตั้งแล้วหันหน้าเข้าไปหาจีน เช่นที่เขากำลังผลักดันสร้างมาตรการต่าง ๆ กับจีนอยู่นี้ ไต้หวันอาจเสี่ยงต่อการถูกกลืนหรือไม่
นักสังเกตการณ์มีแนวโน้มที่จะเชื่อว่า ข้อตกลงสันติภาพนี้ยังเป็นโอกาสที่ห่างไกล เพราะว่า ยังมีคำถามที่ตอบยากหลายอย่าง เช่น ใครกันจะมาเป็นตัวแทนลงนามของทั้งสองฝ่ายฯ
ดูเหมือนว่า ฝ่ายจีนจะเรียกร้องให้มีข้อตกลงสันติภาพระหว่างพรรคที่ได้นั่งเป็นรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย โดยที่ข้อตกลงนั้นจะได้เกี่ยวพันถึงผู้ปกครองของไต้หวันอย่างแท้จริง ซึ่งก็มีนัยยะบ่งบอกว่า รัฐบาลจีนจะรับรองเกาะไต้หวันนั่นเอง
จีนอ้างอธิปไตยเหนือเกาะไต้หวัน แม้ว่าพรรคก๊กจะถอยร่นลงมาตั้งรัฐบาลเอง ตั้งแต่เจียงไคเช็ก ผู้นำก๊กมินตั๋งพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ ในปี 2492 แล้วก็ตาม ความขัดแย้งยังคงอึมครึมเรื่อยมาตราบจนปัจจุบัน แม้ว่าในปี 2551 หม่า อิงจิ่วขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีไต้หวัน แล้วสานสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวกับจีนแล้วก็ตาม แต่จีนก็ยังไม่ได้ลั่นว่า จะไม่ใช้กำลังกับไต้หวันในการวมชาติ