เอเจนซี--ศาลสูงไต้หวันทบทวนคำพิพากษาใหม่ ตัดสินอดีตประธานาธิบดีไต้หวัน นายเฉิน สุยเปี่ยน มีความผิดรับสินบนจากกรณีเปิดทางการควบรวมธนาคารสองรายระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จึงตัดสินโทษจำคุก 18 ปี ทั้งนี้ ก่อนหน้าเฉินถูกตัดสินโทษจำคุก 17 ปี 6 เดือน ในความผิดรับสินบนจากกรณีอื่น
ส่วนภรรยาของเฉินคือ นางอู๋ ซู่เจิน ถูกตัดสินโทษจำคุก 11 ปี เพิ่มจากโทษจำคุก 17 ปี 6 เดือน จากความผิดรับสินบนเช่นกัน
แต่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายชี้ว่า จากการทบทวนปรับแก้กฎหมายในปี 2549 ซึ่งได้รวมการตัดสินโทษในอาชญากรรมที่คล้ายกัน ดังนั้น ทั้งสองอาจไม่ต้องรับใช้โทษจำคุกมากกว่า 20 ปี
ศาลสูงไต้หวันพิจารณาคดีรับเงินจากกลุ่มธนาคารของเฉินใหม่เมื่อวันที่ 13 ต.ค. และได้ระบุว่า เฉินและอู๋ได้รับสินบน 600 ล้านเหรียญไต้หวัน จากกลุ่มธนาคารและกลุ่มธุรกิระหว่างปี 2002 และ 2005 เพื่อให้รัฐบาลเปิดทางสะดวกการควบรวมธนาคารสองรายและสถาบันการเงินสองรายในระหว่างที่ไต้หวันดำเนินการปฏิรูปการเงินครั้งที่สอง เฉินมีความผิดรับสินบน จึงตัดสินโทษจำคุก 18 ปี และปรับ 180 ล้านเหรียญไต้หวัน สำหรับนางอู๋ได้รับโทษจำคุก 11 ปี ปรับ 102 ล้านเหรียญไต้หวัน
การตัดสินของศาลสูงครั้งนี้ เป็นการพลิกคำตัดสินของศาลแขวงไทเปในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลแขวงไทเปได้พิจารณาข้อกล่าวหากรณีรับสิบบนสองกระทงบนพื้นฐานที่ว่าเฉินไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโดยตรงในการปฏิรูปการเงิน และไม่มีสิทธิในการตัดสินว่าจะให้ธนาคารรายไหนควบรวมธุรกิจ แต่ศาลสูงได้ระบุว่าแม้เฉินไม่มีสิทธิตัดสินการควบรวม แต่เขาก็ได้ใช้อิทธิพลเพื่อเปิดทางแก่การควบรวม ซึ่งถือเป้นการใช้อำนวจในทางมิชอบ
ส่วนนางอู๋ ซู่เจิน ภริยาของเฉินที่ต้องนั่งรถเข็นเพราะเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไปส่วนล่างนั้น ก็ถูกพักโทษจากคำตัดสินก่อนหน้า เนื่องเพราะเหตุผลทางสุขภาพ แต่ครั้งนี้ก็ต้องได้รับโทษจำคุกเหมือนกันเป็นเวลา 11 ปี
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมีแผนว่าจะอุทธรณ์คำตัดสิน
เฉินและสมาชิกครอบครัวถูกข้อหาหลายคดี อาทิ กรณีพัวพันเงินบริจาคทางการเมือง เงินกองทุนลับในภารกิจทางการทูต การฟอกเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ และการรับเงินสินบนในการติดต่อกับภาครัฐในระหว่างการดำรงตำแหน่ง ฯ
อนึ่ง เฉินมองว่า การที่เขาถูกพิพากษาและจองจำ เป็นเพราะความผูกใจเจ็บของรัฐบาลไต้หวันปัจจุบันที่โอนเอียงไปเป็นมิตรกับจีน และเป็นการตอบโต้ทางการเมืองซึ่งในช่วงที่เฉินดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี (2543-2551) ซึ่งเฉินดำเนินนโยบายเรียกร้องอิสรภาพไต้หวันมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เฉินยอมรับว่าภรรยาของเขาพัวพันกับเงินบริจาคทางการเมืองโดยที่เขาไม่รู้มาก่อน