หลี่ เติงฮุย อดีตปธน.ไต้หวัน ถูกฟ้องข้อหายักยอกเงินรัฐ

เอเอพฟี - อัยการไต้หวันฟ้องดำเนินคดีนายหลี่ เติงฮุย อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน ในข้อหายักยอกเงินจากรัฐ จำนวน 7.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวกลางเผย(30 มิ.ย.)ว่า นายหลี่ เติงฮุย(ลี เต็งฮุย) และนายหลิว ไท่อิง ผู้ช่วยคนสนิท ถูกกล่าวหาว่ากระทำการยักยอกเงินกองทุนทางการฑูตจำนวน 7.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 240 ล้านบาท) ขณะที่นายหลี่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันระหว่างปี 2531 - 2543

นายหลี่ นับเป็นอดีตประธานาธิบดีไต้หวันคนที่สองที่ถูกตั้งข้อหาทุจริตคอรัปชั่นถัดจากนายเฉิน สุยเปี่ยน ผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีฯต่อจากตน ซึ่งขณะนี้นายเฉินกำลังรับโทษจำคุก 17 ปีครึ่งชดใช้ความผิดในคดีรับสินบน 2 คดี

นายเฉินได้กล่าวว่าคำตัดสินดังกล่าวเป็นการแก้แค้นทางการเมืองโดยฝีมือของรัฐบาลไต้หวันชุดปัจจุบัน สืบเนื่องจากการที่เขาพยายามผลักดันอิสรภาพแก่ไต้หวันมาโดยตลอด

สำหรับนายหลี่ เติงฮุย ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน เขาได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนที่จะแยกไต้หวันเป็นเอกราช ทำให้รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เดือดดาลถึงขนาดยิงขีปนาวุธมาเฉียดๆไต้หวันในปี 2538 และ 2539 เพื่อเป็นการสั่งสอน ทำให้หลี่ เติงฮุย ถูกพรรคก๊กมินตั๋งไล่ออกจนต้องตกจากเก้าอี้ผู้นำประเทศ และเฉิน สุยเปี่ยน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีไต้หวันคนต่อมา

นายหลี่ ซึ่งยังคงได้รับการส่งเสริมจากฝ่ายสนับสนุนอิสรภาพ ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไต้หวันชุดปัจจุบันอย่างหนัก พร้อมทั้งได้เผยว่าจีนประสงค์ที่จะใช้ชุดข้อตกลงทางการค้าที่ลงนามร่วมกับไต้หวัน เป็นเครื่องมือในการผนวกไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวกับจีน

ทั้งนี้ ไต้หวันและจีนได้แบ่งแยกการปกครองมาตั้งแต่ปี 2492 หลังจากที่เจียงไคเช็กแพ้สงครามกลางเมืองและได้จัดตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่ที่ไต้หวัน อย่างไรก็ตามจีนยังคงมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่รอการหวนคืน และหากจำเป็นจีนอาจใช้กำลัง