เอเอฟพี - เหยา หมิง นักบาสเกตบอลจีนชื่อดังและริชาร์ด แบรนสัน เศรษฐีนักธุรกิจแดนผู้ดี ร่วมดำเนินโครงการรณรงค์ให้ชาวจีนเลิกกินซุปหูฉลาม เพื่ออนุรักษ์สัตว์นักล่าแห่งท้องทะเล
ไวลด์เอด(WildAid) องค์กรรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่า ซึ่งเป็นผู้จัดโครงการณ์รณรงค์งดกินซุปหูฉลามได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวในเซี่ยงไฮ้ โดยมีการจัดทำการโฆษณาซึ่งใช้เหยา หมิงและริชาร์ด แบรนสัน เป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์เผยแพร่และให้ผู้สนใจเข้าร่วมปฏิญาณตนเลิกกินซุปหูฉลามได้ด้วย
เหยา หมิง นักกีฬาบาสเกตบอลชื่อดังจีนที่เพิ่งประกาศเลิกเล่นไปเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ได้ลั่นวาจาเลิกกินซุปหูฉลามตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว และนับแต่นั้นเขาก็ได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่เป็นฑูตประจำองค์กรไวลด์เอด ขณะที่นายแบรนสัน เป็นผู้สนับสนุนโครงการรณรงค์ฯผ่านทางมูลนิธิเวอร์จิ้น ยูไนท์ของตนเอง
แบรนสัน เผยว่า “ผมไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร หากโลกใบนี้ไม่มีฉลามเสียแล้ว พวกเราจำเป็นต้องร่วมมือกันไม่เกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้น”
ไวลด์เอด คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรฉลามที่ถูกล่าต่อปีสูงถึง 73 ล้านตัว โดยส่วนใหญ่จะเป็นการล่าเพื่อตัดครีบไปทำซุปหูฉลาม และความต้องการครีบฉลามที่กำลังเพิ่มมากขึ้น กำลังเสี่ยงต่อการทำให้ฉลามสูญพันธุ์และส่งผลกระทบระบบนิเวศน์ทางทะเลทั่วโลก
ซุปหูฉลามถือเป็นเมนูอาหารราคาแพงที่เสิร์ฟตามภัตตาคารหรูในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งชาวจีนที่มีฐานะร่ำรวยจำนวนมากนิยมรับประทาน
ชาวประมงจะไล่ล่าฉลามด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยม โดยตัดครีบที่เอามาทำหูฉลาม แล้วก็โยนฉลามชะตาขาดคืนสู่ทะเลไป ซึ่งในที่สุดปลาฉลามไร้ครีบก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ ขณะที่บรรดานักสิทธิสัตว์และนักวิทยาศาสตร์ต่างประณามการกระทำดังกล่าวอันเป็นเหตุให้จำนวนฉลามทั่วโลกลดน้อยลงจนอาจสูญพันธุ์ได้
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา(2553) สมาชิกสภาประชาชนจีนได้เสนอญัตติการออกกฎหมายห้ามการค้าหูฉลาม โดยนายติง หลี่กัว นักธุรกิจและผู้แทนเข้าร่วมประชุมสภาฯ ได้เผยว่า “จีนควรเป็นผู้นำในการสั่งห้ามค้าหูฉลาม เนื่องจากในจีน ไต้หวัน และฮ่องกง มีการบริโภคหูฉลามมากสุดในโลกถึง 95 เปอร์เซ็นต์”