เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - กรุงปักกิ่ง และนครเซินเจิ้นติดอันดับเมืองที่มีผู้ขับรถยนต์ อารมณ์โมโหฉุนเฉียวมากที่สุดในโลก จากการสำรวจประจำปี ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัญหารถติดกับอารมณ์ของมนุษย์
ใน “การสำรวจความทุกข์ของผู้ออกเดินทางจากบ้านไปทำงานทุกวัน” (Commuter Pain Survey) ซึ่งจัดทำโดยบริษัทไอบีเอ็มเป็นปีที่ 4 แล้วนั้น มี“การขับรถทำให้เกิดความโกรธ” เป็นคำถามหนึ่งจากทั้งหมด 10 คำถาม
นอกจากนั้น ผลสำรวจ ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสฯ (8 ก.ย.) ยังพบว่า กรุงเม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองที่มีความทุกข์มากที่สุดสำหรับผู้คน ที่ต้องออกเดินทางจากบ้านไปทำงานทุกวัน ส่วนกรุงปักกิ่ง และนครเซินเจิ้นติดอันดับสอง ขณะที่นครมอนทรีออลของแคนาดามารั้งท้ายสุดจากการสำรวจผู้ขับรถยนต์กว่า 8,000 คนในเมืองใหญ่ 20 แห่งใน 6 ทวีป นอกจากนั้น ผู้คนที่ออกเดินทางจากบ้านไปทำงานทุกวันในทั่วโลก ยังพบว่าการออกไปทำงานทุกวันมีความทุกข์เพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเมื่อปีที่แล้ว
คำถามอื่น ๆ ในการสำรวจ อาทิ เวลาในการออกเดินทาง เวลาที่รถติดอยู่บนถนน คุณคิดว่าราคาน้ำมันรถแพงไปหรือไม่ และการจราจรมีผลกระทบต่อการทำงาน โดยเมือง 20 แห่งในการสำรวจคัดเลือกจากรายชื่อเมือง 65 แห่ง ซึ่งมีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ
ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ขับรถจำนวนมากมายในกรุงปักกิ่ง และนครเซินเจิ้นจะยกเลิกการเดินทาง ที่ตั้งใจไว้เอาเสียดื้อ ๆ เพระปัญหารถติด
นายเซิ่ง กวงเหยา นักวิจัยฝ่ายการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเมืองของสถาบันสังคมศาสตร์ของจีนระบุว่า ไม่น่าแปลกใจ ที่กรุงปักกิ่งติดอันดับเมือง ที่ผู้ขับรถยนต์ชิงชังมากที่สุด เพราะปัญหาการขับขี่ยวดยานดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมดาในเมือง ที่มีประชากรหนาแน่น
อย่างไรก็ตาม นายเซิ่งเสนอว่า รัฐบาลควรออกมาตรการ เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนกันมากขึ้น พร้อมทั้งระบุว่า ในหลายเมือง เช่น ฮ่องกง เจ้าของรถยนต์ไม่ขับรถไปทำงาน
ด้านทางการกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า ถนนเต็มไปด้วยรถติด ได้ประกาศดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยได้จำกัดการซื้อรถยนต์มาตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังพิจารณาจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในย่านใจกลางเมือง
นอกจากนั้น ในแผนการฉบับใหม่อีก 5 ปีข้างหน้า ยังจะมีการร่างแผนจัดเก็บค่าธรรมเนียมผู้ขับขี่ ที่ขับรถเข้ามาในบางพื้นที่ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวถูกประชาชนวิจารณ์อย่างหนักว่า จะสามารถนำมาปฏิบัติได้แค่ไหน และหลายคนวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในกรุงปักกิ่งอีกด้วย