เอเยนซี - อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนสิงหาคม ลดลงลดไปที่ร้อยละ 6.2 ผลจากมาตรการลดความร้อนแรงเศรษฐกิจของประเทศ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics (NBS))เผยวันที่ 9 ก.ย.ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดหลักของเงินเฟ้อ ได้ชะลอตัวลงไปร้อยละ 6.2 ในเดือนสิงหาคม โดยตัวเลขนี้ยังอยู่ห่างไกลเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ให้อยู่ที่ ไม่เกินร้อยละ 4 ในปีนี้
NBS กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6.5 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลให้ราคาอาหารสูงขึ้นร้อยละ 14.8 เทียบจากปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาอาหาร ในเดือนสิงหาคมนี้ อยู่ที่ร้อยละ 13.4 เทียบจากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูง ธนาคารกลางจีน ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 5 ครั้งในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และยังได้เพิ่มอัตราสำรองเงินฝากฯ ในปีนี้ มา 6 ครั้ง
ปา ซู่ส่ง นักวิจัยและพัฒนาจากคณะกรรมาธิการแห่งรัฐ ได้กล่าวว่า "เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว ลงเนื่องจากนโยบายกระชับคุมเข้มเศรษฐกิจ และสถานการณ์หนี้ในยุโรปกับสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก ดังนั้น รัฐบาลจะเฝ้าติดตามสังเกตการณ์ ก่อนที่จะพิจารณาออกมาตรการเศรษฐกิจต่างๆ ที่เหมาะสมต่อไป
NBS รายงานว่า เมื่อเทียบบนพื้นฐานเดือนต่อเดือน ที่ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากเดือนกรกฎาคม เวลานี้อัตราเงินเฟ้อของจีนลดไปร้อยละ 6.2 ในเดือนสิงหาคม โดยดัชนีผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัววัดที่สำคัญของเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 ลดต่ำกว่าในเดือน ก.ค. ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5
บรรดานักวิเคราะห์มองว่า แม้ตัวเลขฯ จะลดลง แต่แนวโน้มเงินเฟ้อยังมีสูง เพราะราคาอาหาร โดยเฉพาะราคาเนื้อหมู ยังคงแพงขึ้นอยู่
