ก่วงตงออกข้อกำหนดห้ามเลี้ยงสุนัขสุดโหด!

โกลบอล ไทมส์ - ผู้เลี้ยงสุนัขในเมืองเจียงเหมิน มณฑลก่วงตง(กวางตุ้ง) จำต้องนำน้องหมาไปเลี้ยงที่อื่นเสียแล้ว เมื่อรัฐบาลท้องถิ่นเจียงเหมินประกาศใช้ข้อกำหนดห้ามเลี้ยงสุนัขสุดเข้ม

หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นเจียงเหมิน 5 หน่วยงาน รวมทั้งสำนักงานพิทักษ์สันติราษฎร์ สำนักงานการเกษตร และสำนักงานการจัดการเมือง ได้ร่วมกันร่างข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ห้ามผู้ใดเลี้ยงสุนัขในเขตเผิงเจียง เจียงไห่ และซินฮุ่ย ในเมืองเจียงเหมิน มณฑลก่วงตง(กวางตุ้ง) ยกเว้นเสียแต่มีวัตถุประสงค์พิเศษ

ผู้ที่เลี้ยงสุนัขในเขตที่กำหนดจะต้องรีบตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับสุนัขของตนภายในวันที่ 10 ส.ค.นี้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเจียงเหมินจะติดต่อไปยังผู้เลี้ยงภายในสองสัปดาห์ และตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.นี้ สุนัขที่อยู่ในเขตห้ามเลี้ยงฯที่กำหนด จะถูกเจ้าหน้าที่จับหรือปลิดชีวิต

เจียงเหมิน เดลี รายงานอ้างประกาศของรัฐบาลท้องถิ่นว่า ข้อบังคับดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมและป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รักษาระเบียบและสุขอนามัยสาธารณะ อีกทั้งเพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมทางเสียงที่ดีให้แก่ประชาชน

กง หรงเหมา สัตว์แพทย์จากสำนักงานการเกษตรท้องถิ่น ได้กล่าวกับหนันฟัง เดลี ว่า “สุนัขที่ถูกจับทุกตัวจะถูกนำส่งไปยังสถานเลี้ยงสุนัขชานเมือง”

หลี่ ว่านทง หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีประจำศูนย์ควบคุมโรคระบาดสัตว์ภายใต้สำนักงานเกษตรท้องถิ่น เผยกับโกลบอลไทมส์ ว่า “สุนัขที่เป็นโรคจะถูกปลิดชีพด้วยฉีดยาเข้าเส้น เราจะลงนามข้อตกลงกับเจ้าของสุนัขก่อนสังหารมัน สำหรับสุนัขที่มีสุขภาพดี เราจะพยายามหาทางออกที่เหมาะสมให้ ด้วยว่าเราไม่สามารถเลี้ยงดูสุนัขจำนวนมากได้ และนับตั้งแต่ประกาศใช้ข้อกำหนดดังกล่าว ผมได้รับสุนัขมาวันละ 8 - 10 ตัว ตามด้วยข้อซักถามอีกวันละ 30-50 ข้อ”

ทั้งนี้ ในปี 2548 รัฐบาลเจียงเหมินได้เคยออกข้อกำหนดส่งเสริมให้ผู้อาศัยในเมืองส่งมอบสุนัขให้เจ้าหน้าที่ฯ แต่กลับไม่มีผลตอบรับใดๆ

คนขับรถแซ่หลิน วัย 31 ปี ได้เผยกับโกลบอล ไทมส์ว่า “ผมคัดค้านการเลี้ยงสุนัขในเมือง พวกมันน่ารำคาญมาก” พร้อมชี้ว่า “เจ้าของจำนวนมากรักสุนัขของตน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ดูแลเอาใจใส่พวกมันจริงๆ”

ชายแซ่หลิน กล่าวต่อว่า “สุนัขในชุมชนของผมมีจำนวนมากเกินไป พวกมันถ่ายของเสียไปทุกที่ และเวลานอนมันก็เห่า เสียงดังรบกวนเป็นประจำ”

ผู้อยู่อาศัยในเขตเผิงเจียง วัย 24 ปี เจ้าของสุนัขพันธ์พุดเดิ้ลวัย 2 ขวบ ซึ่งไม่เผยนาม ได้กล่าวกับโกลบอล ไทมส์(2 ส.ค.)ว่า “การห้ามเลี้ยงสุนัข โดยการจับและฆ่าพวกมัน เป็นมาตรการที่โหดร้ายเกินไป มันไม่ยุติธรรมและทารุณมาก สุนัขเหล่านั้นไม่ควรมารับเคราะห์แทนพวกเจ้าของที่ขาดความรับผิดชอบ และฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสุนัขของฉัน ไม่มีใครบอกฉันว่าจะทำเรื่องขออนุญาตเลี้ยงสุนัขได้อย่างไร”

ข้อกำหนดการห้ามเลี้ยงสุนัขฯระบุว่า รัฐบาลเจียงเหมินจะอนุญาตให้เฉพาะบริษัทที่ต้องการเลี้ยงสุนัขไว้เพื่อจุดประสงค์ด้านการรักษาความปลอดภัย โดยบริษัทเหล่านั้นจะต้องแสดงหลักฐานพิสูจน์ว่ามีทรัพย์สินมูลค่าอย่างน้อย 5 ล้านหยวน(ราว 23 ล้านบาท)

พนักงานร้านสัตว์เลี้ยงในเขตเผิงเจียง ได้กล่าวกับโกลบอลไทมส์ว่า “ข้อกำหนดดังกล่าว ส่งผลกระทบยอย่างรุนแรงต่อธุรกิจเลี้ยงสัตว์ เราต้องหยุดขายสุนัขไปสักพัก”

รัฐบาลเจียงเหมินได้เผยว่าข้อกำหนดใหม่นี้ยึดตามหลักกฎหมายการลงโทษสำหรับความปลอดภัยสาธารณะและกฎหมายด้านการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อ

ขณะที่ หลี่ หวา ผู้อำนวยการด้านการจัดการแห่งองค์กรไม่แสวงกำไรแอนิมอล การ์เดี้ยน ได้ตั้งข้อสงสัยว่า “กฎหมายเหล่านั้นไม่ได้ขัดขวางให้ผู้คนห้ามเลี้ยงสุนัข และการกำหนดให้สุนัขจำนวนมากอยู่ในพื้นที่จำกัด ยิ่งอันตรายมากว่าเดิม เนื่องจากจะทำให้สุนัขอยู่ในภาวะเศร้าซึม ซึ่งเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคติดเชื้อมากขึ้น และนอกจากนี้จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลฯจะไม่ใช้ความรุนแรงในการจับสุนัข”

เซาเทิร์น วีคเอนด์ ได้แสดงความเห็นว่า จีนไม่มีการวางแผนระยะยาวสำหรับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางคนก็มักจะใช้วิธีฆ่าสุนัข หลังจากมีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมทั้งระบุว่า สุนัขในประเทศจีนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า มีไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า การขอใบอนุญาตเลี้ยงสุนัขและการนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพง อันเป็นอุปสรรคที่ผู้เลี้ยงจำนวนมากต้องเผชิญ

ข้อมูลสถิติจากกระทรวงสาธารณสุขระบุ ในปีที่ผ่านมา(2553) โรคพิษสุนัขบ้าถือเป็นโรคติดเชื้ออันตรายร้ายแรงอันดับสาม รองจากโรคเอดส์และวัณโรค ขณะที่เจียงเหมิน เดลี รายงานว่า เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าทั้งสิ้น 42 คน