ไชน่า เดลี - โฆษกพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามเผย จานกระเบื้องโบราณสมัยราชวงศ์ซ่งอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี หนึ่งในคอลเลคชั่นล้ำค่าของพิพิธภัณฑ์ฯ ซึ่งถูกทำแตกเสียหาย เป็นอีกชิ้นหนึ่งซึ่งไม่ใช่ชิ้นที่มีค่าที่สุด
เฟิง ไหน่อัน โฆษกพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม กรุงปักกิ่ง ได้เผยว่า “จานกระเบื้องโบราณชิ้นที่แตกไม่ใช่ชิ้นที่มีค่าที่สุด ขณะที่ภาพที่โชว์บนเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ฯเป็นรูปจานกระเบื้องโบราณในสภาพสมบูรณ์อีกชิ้นหนึ่ง” อันเป็นการปฏิเสธกระแสการคาดการณ์ที่ว่าทางพิพิธภัณฑ์ได้โชว์ภาพจานโบราณชิ้นปลอมแทนบนเว็บไซต์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ฯได้ยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์(31 ก.ค.)ว่า จานกระเบื้องโบราณที่แตกเสียหายออกเป็น 6 เสี่ยง ระหว่างการตรวจสอบโดยนักวิจัย เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นชิ้นที่อยู่ในชุดคอลเลคชั่นเครื่องกระเบื้องเซรามิกจีนล้ำค่าสมัยราชวงศ์ซ่ง(ค.ศ. 960-1279)
พิพิธภัณฑ์ฯได้ระบุชื่อจานกระเบื้องโบราณดังกล่าวว่า จานสังคโลกทรงกลีบดอกชบา พร้อมเผยว่าเป็นงานฝีมือจากเกอเหยา(哥窑) โรงทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยราชวงศ์ซ่ง ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี
ลู่ เฉิงหลง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ฯ ได้เผยว่า “จานกระเบื้องโบราณใบที่แตกและใบที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มีชื่อเหมือนกันและมีรูปทรงที่คล้ายกัน ซึ่งจานทั้งสองใบได้รับการพิจารณาจากสำนักงานจัดอันดับโบราณวัตถุจีน ว่า เป็นสมบัติล้ำค่าชั้นหนึ่งของประเทศ แม้ว่าอันที่จริงจานกระเบื้องใบที่แตกจะมีค่าน้อยกว่าก็ตาม”
หลายฝ่ายต่างตั้งข้อสงสัยถึงข้อเท็จจริงของภาพจานกระเบื้องฯที่โชว์บนประกาศฯจากทางเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ฯ หลังจากที่สถานีโทรทัศน์กลางจีน หรือ ซีซีทีวี ได้เผยภาพจานกระเบื้องชิ้นที่แตกเมื่อวันจันทร์(1 ส.ค.) โดยมีผู้ชมบางรายชี้ว่าภาพจากซีซีทีวีไม่สอดคล้องกับภาพที่โพสต์บนเว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ฯ
เฟิง เผยว่า “จานโบราณที่โชว์บนเว็บไซต์ฯอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกประการ และไม่ใช่ชิ้นเดียวกับชิ้นที่แตก”
โหลว เหว่ย ผู้อำนวยการแผนกการจัดการโบราณวัตถุประจำพิพิธภัณฑ์ฯ ได้กล่าวว่า “พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้ เก็บรักษาเครื่องกระเบื้องเซรามิกโบราณซึ่งเป็นงานฝีมือจากเกอเหยาทั้งสิ้น 63 ชิ้น โดยมี 57 ชิ้นที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสมบัติล้ำค่าชั้นหนึ่งของประเทศจีน”
ข้อมูลแถลงการณ์ที่เผยบนเว็บไซต์สำนักงานมรดกทางวัฒนธรรม(2 ส.ค.) ระบุว่า ทางสำนักงานฯและกระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการสืบสวนหาเหตุของอุบัติเหตุจานกระเบื้องฯแตก โดยพบว่าเกิดจากการที่นักวิจัยใช้เครื่องมือตรวจสอบโบราณวัตถุอย่างไม่เหมาะสม
