สัปดาห์นี้หมิงซิงคลับขอปิดท้ายด้วยเรื่องราวและรูปภาพสมัยยังสาวของสองอดีตดาราดังจากไต้หวันและฮ่องกง ที่ความน่ารักคู่คี่สูสีกินกันไม่ลงเลยเชียว


คนแรกคือ เจินเจิน (甄珍) เด็กปั้นของฉงเหยา นักเขียนและผู้สร้างละครชาวไต้หวัน เธอเป็นอดีตนางเอกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงยุคก่อนหลินชิงเสียจะโด่งดัง
เจินเจิน ชื่อเดิมว่า จางเจียเจิน (章家珍) เกิดเมื่อปี 1948 ที่เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ปัจจุบันอายุ 63 ปี พ่อของเจินเจินเคยเป็นทหาร ส่วนแม่คือ จางเฟิ่ง เป็นอดีตนักแสดงหนังใหญ่ เมื่อปี ค.ศ. 1955 เจินเจินได้ติดตามครอบครัวเดินทางจากโตเกียวมาอยู่ที่ไต้หวัน ในปี 1964 ขณะที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บริษัทภาพยนตร์กั๋วเหลียนประกาศรับนักแสดงพอดี ซึ่งเจินเจินก็เป็นหนึ่งเดียวในจำนวนผู้สมัครสามพันคนที่ได้รับเลือก และได้ชิมลางงานแสดงในหนังย้อนยุคเรื่องแรก “เทียนจือเจียวหนี่ว์” 《天之驕女》 ในปี 1966
ปี 1971 เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเอเชียครั้งที่ 17 จากเรื่อง “ถีอิ๋ง” 《缇萦》 จากนั้นผลงานแสดงนับตั้งแต่ปี 1973 ของเธอส่วนใหญ่เป็นหนังที่ดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากนิยายของฉงเหยา โดยได้ประกบคู่กับดาราชายชื่อดังอย่าง เติ้งกวงหรง และเซี่ยเสียน ในตอนนั้นก็มีข่าวว่าเซี่ยเสียนกำลังเร่งเครื่องตามจีบฝ่ายหญิง
กระทั่งในปี 1974 เธอก็ตกลงปลงใจแต่งงานกับเซี่ยเสียน แต่ครองรักกันได้เพียงสองปี ทั้งคู่ก็เตียงหัก ต่อมาในปี 1978 ฝ่ายหญิงตัดสินใจแต่งงานใหม่กับหลิวเจียชัง นักแต่งเพลงที่เฝ้าหลงรักเธอมานาน เธอติดตามหลิวเจียชังไปทำงานที่อเมริกา และเริ่มรับงานแสดงน้อยลง
ปัจจุบันทั้งคู่มีพยานรักด้วยกัน 1 คน คือ หลิวจื่อเชียน ซึ่งเขาเข้าสู่วงการบันเทิงตามพ่อแม่ด้วยการเป็นนักร้อง ขณะที่เซี่ยเสียนอดีตสามีนั้น ก็แต่งงานใหม่กับติปอล่า และมีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ เซี่ยถิงถิง และเซี่ยถิงฟงนั่นเอง

เจินเจิน-เซี่ยเสียน

เจินเจินมักปรากฎตัวพร้อมกับหลิวเจียชัง สามีสุดที่รัก ภาพกลาง-เจินเจินเซจะล้ม ดีที่หลิวเจียชังเข้าพยุงไว้ทัน

ภาพซ้าย-ถ่ายรูปกับลูกชาย

เจินเจิน-วังหลิง-หลินชิงเสีย

และดาราคนสุดท้ายที่จะนำเสนอในรายงานชิ้นนี้ก็คือ หลี่ชิง นักแสดงสาวจากชอว์บราเธอร์ส ผู้มีสมญาว่า ราชินีจอเงินหน้าตุ๊กตา ตามที่มีผู้ถามถึงในสัปดาห์แรก

หลี่ชิง หรือ หลี่จิง (李菁) มีชื่อเดิมว่า หลี่กั๋วอิง เกิดที่เมืองเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ.1948 ปัจจุบันอายุ 63 ปี

ครอบครัวของหลี่ชิงย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ฮ่องกง หลังจากที่รัฐบาลก๊กมินตั๋งของจีนพ่ายแพ้ให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองปี ค.ศ. 1949 สมาชิกครอบครัวประกอบด้วย พ่อ แม่ พี่ชาย 5 คน พี่สาว 2 คน โดยหลี่ชิงเป็นคนสุดท้อง
ตั้งแต่เล็กเธอมีความสนใจในวงการภาพยนตร์เป็นอย่างมาก กระทั่งเมื่อเรียนอยู่โรงเรียนมัธยม Precious Blood ได้ยินว่าโรงเรียนสอนการแสดงของชอว์บราเธอร์สประกาศรับนักเรียนรุ่น 2 หลี่ชิงไม่สนใจคำคัดค้านของพ่อแม่ไปสมัครสอบ ปีนั้นมีผู้เข้าสมัครกว่าสองพันคน หลี่ชิงเป็นคนหนึ่งที่สอบเข้าได้สำเร็จ นอกจากหลี่ชิงแล้วก็ยังมีเจียงชิง ฟังอิ๋ง เจิ้งเพ่ยเพ่ย และเพื่อนร่วมชั้นรวม 40 คนที่สอบเข้าได้ในปีนั้น
ในระหว่างเป็นนักเรียนการแสดง เธอมีโอกาสได้ร่วมแสดงในหนังเรื่อง “ม่านประเพณี” ในปี 1963 และ อี้ว์ถังชุน ในปี 1964
กระทั่งเมื่อเรียนจบ ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดชอว์บราเธอร์ส โดยหนังเรื่อง มัจฉาปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องแรกที่เธอรับบทนำ และจากเรื่องนี้เองทำให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเอเชียมาครอง และกลายเป็นนักแสดงคิวทองของชอว์บราเธอร์สไปในทันที
หลี่ชิงมีผลงานการแสดงมากกว่า 50 เรื่อง อาทิ มัจฉาปาฏิหาริย์แล้ว, สามยิ้มพิมพ์ใจ, ห้องรักหอสวาท, เจ้าชายจำแลง, รอยมือเลือด, ความฝันในหอแดง เป็นต้น
จนเมื่อปี 1976 หลี่ชิงก็เป็นนักแสดงอีกคนที่โบยบินออกจากชอว์บราเธอร์สหลังจากร่วมงานกันนาน 13 ปี เพื่อรับงานแสดงอิสระในฮ่องกงและไต้หวัน
ในปี 1979 ชีวิตของหลี่ชิงต้องเจอกับคราวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเหลยเจี้ยวหวา แฟนของเธอที่คบกันนานนับสิบปีเสียชีวิตลง ทำให้เธอสะเทือนใจมาก และค่อยๆ ลดงานแสดงลง
ต่อมาปี 1983 แม่ของเธอป่วย หลี่ชิงจึงได้ประกาศออกจากวงการเพื่อไปดูแล หลังจากออกจากวงการแล้ว ข่าวคราวของเธอก็เงียบหายไป มีข่าวลือบางกระแสระบุว่าเธอติดการพนันจนหนี้สินล้นพ้นตัว


คนแรกคือ เจินเจิน (甄珍) เด็กปั้นของฉงเหยา นักเขียนและผู้สร้างละครชาวไต้หวัน เธอเป็นอดีตนางเอกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงยุคก่อนหลินชิงเสียจะโด่งดัง
เจินเจิน ชื่อเดิมว่า จางเจียเจิน (章家珍) เกิดเมื่อปี 1948 ที่เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง ปัจจุบันอายุ 63 ปี พ่อของเจินเจินเคยเป็นทหาร ส่วนแม่คือ จางเฟิ่ง เป็นอดีตนักแสดงหนังใหญ่ เมื่อปี ค.ศ. 1955 เจินเจินได้ติดตามครอบครัวเดินทางจากโตเกียวมาอยู่ที่ไต้หวัน ในปี 1964 ขณะที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บริษัทภาพยนตร์กั๋วเหลียนประกาศรับนักแสดงพอดี ซึ่งเจินเจินก็เป็นหนึ่งเดียวในจำนวนผู้สมัครสามพันคนที่ได้รับเลือก และได้ชิมลางงานแสดงในหนังย้อนยุคเรื่องแรก “เทียนจือเจียวหนี่ว์” 《天之驕女》 ในปี 1966
ปี 1971 เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเอเชียครั้งที่ 17 จากเรื่อง “ถีอิ๋ง” 《缇萦》 จากนั้นผลงานแสดงนับตั้งแต่ปี 1973 ของเธอส่วนใหญ่เป็นหนังที่ดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากนิยายของฉงเหยา โดยได้ประกบคู่กับดาราชายชื่อดังอย่าง เติ้งกวงหรง และเซี่ยเสียน ในตอนนั้นก็มีข่าวว่าเซี่ยเสียนกำลังเร่งเครื่องตามจีบฝ่ายหญิง
กระทั่งในปี 1974 เธอก็ตกลงปลงใจแต่งงานกับเซี่ยเสียน แต่ครองรักกันได้เพียงสองปี ทั้งคู่ก็เตียงหัก ต่อมาในปี 1978 ฝ่ายหญิงตัดสินใจแต่งงานใหม่กับหลิวเจียชัง นักแต่งเพลงที่เฝ้าหลงรักเธอมานาน เธอติดตามหลิวเจียชังไปทำงานที่อเมริกา และเริ่มรับงานแสดงน้อยลง
ปัจจุบันทั้งคู่มีพยานรักด้วยกัน 1 คน คือ หลิวจื่อเชียน ซึ่งเขาเข้าสู่วงการบันเทิงตามพ่อแม่ด้วยการเป็นนักร้อง ขณะที่เซี่ยเสียนอดีตสามีนั้น ก็แต่งงานใหม่กับติปอล่า และมีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ เซี่ยถิงถิง และเซี่ยถิงฟงนั่นเอง
เจินเจิน-เซี่ยเสียน
เจินเจินมักปรากฎตัวพร้อมกับหลิวเจียชัง สามีสุดที่รัก ภาพกลาง-เจินเจินเซจะล้ม ดีที่หลิวเจียชังเข้าพยุงไว้ทัน
ภาพซ้าย-ถ่ายรูปกับลูกชาย
เจินเจิน-วังหลิง-หลินชิงเสีย
และดาราคนสุดท้ายที่จะนำเสนอในรายงานชิ้นนี้ก็คือ หลี่ชิง นักแสดงสาวจากชอว์บราเธอร์ส ผู้มีสมญาว่า ราชินีจอเงินหน้าตุ๊กตา ตามที่มีผู้ถามถึงในสัปดาห์แรก
หลี่ชิง หรือ หลี่จิง (李菁) มีชื่อเดิมว่า หลี่กั๋วอิง เกิดที่เมืองเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ.1948 ปัจจุบันอายุ 63 ปี
ครอบครัวของหลี่ชิงย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ฮ่องกง หลังจากที่รัฐบาลก๊กมินตั๋งของจีนพ่ายแพ้ให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองปี ค.ศ. 1949 สมาชิกครอบครัวประกอบด้วย พ่อ แม่ พี่ชาย 5 คน พี่สาว 2 คน โดยหลี่ชิงเป็นคนสุดท้อง
ตั้งแต่เล็กเธอมีความสนใจในวงการภาพยนตร์เป็นอย่างมาก กระทั่งเมื่อเรียนอยู่โรงเรียนมัธยม Precious Blood ได้ยินว่าโรงเรียนสอนการแสดงของชอว์บราเธอร์สประกาศรับนักเรียนรุ่น 2 หลี่ชิงไม่สนใจคำคัดค้านของพ่อแม่ไปสมัครสอบ ปีนั้นมีผู้เข้าสมัครกว่าสองพันคน หลี่ชิงเป็นคนหนึ่งที่สอบเข้าได้สำเร็จ นอกจากหลี่ชิงแล้วก็ยังมีเจียงชิง ฟังอิ๋ง เจิ้งเพ่ยเพ่ย และเพื่อนร่วมชั้นรวม 40 คนที่สอบเข้าได้ในปีนั้น
ในระหว่างเป็นนักเรียนการแสดง เธอมีโอกาสได้ร่วมแสดงในหนังเรื่อง “ม่านประเพณี” ในปี 1963 และ อี้ว์ถังชุน ในปี 1964
กระทั่งเมื่อเรียนจบ ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดชอว์บราเธอร์ส โดยหนังเรื่อง มัจฉาปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องแรกที่เธอรับบทนำ และจากเรื่องนี้เองทำให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเอเชียมาครอง และกลายเป็นนักแสดงคิวทองของชอว์บราเธอร์สไปในทันที
หลี่ชิงมีผลงานการแสดงมากกว่า 50 เรื่อง อาทิ มัจฉาปาฏิหาริย์แล้ว, สามยิ้มพิมพ์ใจ, ห้องรักหอสวาท, เจ้าชายจำแลง, รอยมือเลือด, ความฝันในหอแดง เป็นต้น
จนเมื่อปี 1976 หลี่ชิงก็เป็นนักแสดงอีกคนที่โบยบินออกจากชอว์บราเธอร์สหลังจากร่วมงานกันนาน 13 ปี เพื่อรับงานแสดงอิสระในฮ่องกงและไต้หวัน
ในปี 1979 ชีวิตของหลี่ชิงต้องเจอกับคราวเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อเหลยเจี้ยวหวา แฟนของเธอที่คบกันนานนับสิบปีเสียชีวิตลง ทำให้เธอสะเทือนใจมาก และค่อยๆ ลดงานแสดงลง
ต่อมาปี 1983 แม่ของเธอป่วย หลี่ชิงจึงได้ประกาศออกจากวงการเพื่อไปดูแล หลังจากออกจากวงการแล้ว ข่าวคราวของเธอก็เงียบหายไป มีข่าวลือบางกระแสระบุว่าเธอติดการพนันจนหนี้สินล้นพ้นตัว