อดีตแชมป์โลกยิมฯ จีน เร่ขายเหรียญทองฯ สัจธรรมบน "ฟลอร์ชีวิต"

เอเยนซี - จาง ซ่างอู่ อดีตนักกีฬายิมนาสติกเหรียญทองของจีน เร่ขายเหรียญทอง ในสถานีรถไฟปักกิ่ง แม้ไร้อนาคต แต่ยังขอสู้ต่อบนฟลอร์ชีวิต ด้านคณะบริหารกีฬาระดับชาติ ได้รับเรื่องของเขาเพื่อพิจารณาแล้ว

สื่อจีนรายงานวันที่ 19 ก.ค. อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สถานีรถไฟปักกิ่ง ว่าได้พบเห็น นาย จ่าง ซ่างอู่ วัย 27 ปี อดีตนักกีฬายิมนาสติกจีน เดินเร่ขายเหรียญรางวัลมานานแล้ว และเขามักจะต้องเดินไปบอกให้ออกไปเสมอๆ

รายงานข่าวกล่าวว่า จาง ซ่างอู่ ปัจจุบันอายุ 27 ปี เป็นชาวเหอเป่ยโดยกำเนิด เริ่มเข้าเป็นหนึ่งในนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติจีน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เขาชนะเลิศเหรียญทองหลายเหรียญ ทั้งประเภททีมและอุปกรณ์ห่วง จากรายการ 2001 World University Games และร่วมทีมชาติไปแข่งขันรายการ World Gymnastics Championships ที่ประเทศเบลเยี่ยมในปีเดียวกันนั้น แต่พันปี พ.ศ. 2546 เขาก็ไม่ติดทีมชาติอีก ทั้งก็ไม่ได้เข้าร่วมในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก และตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเขาก็เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ

เมื่อต้นปี 2550 จางถูกจำคุก 2 เดือน ในความผิดฐานลักทรัพย์ และเดือนมิถุนายนของปีนั้น เขาก็ยังทำผิดซ้ำอีก ครั้งนี้ถูกจำคุกนาน 3 ปี 10 เดือน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็หายหน้าไปจากการรับรู้ของสาธารณชน จนกระทั่งมีผู้พบเห็นและโพสต์รูปล่าสุดของเขาเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา

ซิง อั่วเว่ย นักยิมนาสติกเหรียญทองทีมชาติจีน จาก "ซิดนีย์เกมส์ 2000" ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมชาติกับเขา กล่าวยืนยันว่า รูปในอินเตอร์เน็ตนั้นคือ จาง ซ่างอู่ และกล่าวให้กำลังใจว่า จริงๆ แล้ว จางผันตัวเป็นศิลปินขายการแสดงความสามารถ ไม่ใช่ ขอทานเร่ขายเหรียญ และชี้แจงยอมรับถึงด้านลบของการกีฬาจีน ที่ผู้บริหารการกีฬาทีมชาติควรจะสนับสนุนดูแลเขา

ซิง กล่าวว่า เขาไม่อยากเห็น จาง ซึ่งเคยเป็นนักกีฬาชั้นเวิร์ลคลาสของจีน ต้องตกยากโดดเดี่ยวกับชะตาชีวิตและอยากให้หน่วยงานฯ ดูแล เข้ามาช่วยเหลือเขาบ้าง



เรื่องราวของจาง ได้สะท้อนชีวิตนักกีฬาที่ปลดระวาง ซึ่งต้องโดดเดี่ยวอยู่กับอาการบาดเจ็บเรื้อรังต่างๆ นานา ที่สะสมมากจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก อีกทั้งอุทิศตนให้กับการกีฬา จนไม่ได้พัฒนาทักษะการศึกษา และการอาชีพอื่นๆ เพื่อเลี้ยงตัวยามร่างกายหมดสภาพฯ

"ผมไม่มีทางเลือก ไม่มีใครช่วยเหลือผมได้ และผมต้องหาเงินมาเลี้ยงดูปู่ที่เจ็บป่วยด้วย" จาง ซึ่งพ่อแม่แยกทางทิ้งไว้ให้ปู่ย่าเลี้ยง ให้สัมภาษณ์กับไชน่าเดลี ถึงเหตุผลของการมาขายเหรียญรางวัลฯ เขาเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อเดือนเมษายน ปีนี้เอง ขณะที่ย่าของเขาเพิ่งเสียชีวิตเช่นกัน

"ครั้งหนึ่ง เหรียญมันเคยเป็นเกียรติยศของผม แต่วันนี้ มันแค่แลกค่าอาหารได้ก็พอแล้ว ผมเป็นนักกีฬาปลดระวาง พยายามจะรับจ้างใช้แรงงาน หรือเป็นยามเฝ้าอาคาร แต่คนก็เห็นว่าผมตัวเตี้ยเกินไป (151 ซม.) อีกทั้งยังบาดเจ็บเรื้อรัง เพราะเอ็นข้อเท้าเสื่อมฯ" จาง กล่าว

ในที่สุด จางเริ่มออกเดินไปตามท้องถนน หาเงินโดยแลกกับเหรียญเกียรติยศเหล่านั้น จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขับไล่อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้

โพสต์บนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเรื่องราวของจาง ทำให้ผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับการกีฬาจีน ซึ่งอดีตโค้ชผู้ดูแลทีมชาติ นายฟ่าน หงปิน ผู้เคยใกล้ชิดกับจาง อ้างว่า "จาง มีส่วนทำตัวของเขาเองตกต่ำ ทั้งในเหตุผลของการที่หลุดจากทีมชาติ และเหตุปัจจัยอื่นๆ ที่ฉุดชีวิตเสื่อม"

ทั้งนี้ รายงานจาก เป่ยจิงนิวส์ กล่าวว่า คณะบริหารกีฬา เหอเป่ย ได้เริ่มสอบถามรายละเอียดกรณีของจาง และเช่นเดียวกับคณะกรรมการบริหารพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้รับเรื่องของเขาเพื่อพิจารณาแล้ว

ด้านสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศจีน ได้ชี้แจงกรณีของ จาง เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ว่า เคยให้โอกาสจาง ว่าจะเลือกชีวิตอย่างไรหลังออกจากทีม ซึ่งจางเลือกที่จะรับเงินช่วยเหลือก้อนหนึ่ง ประมาณ 63,220 หยวน และไปหางานทำเอง

ล่าสุด มีชาวเน็ตฯ คนหนึ่ง อ้างชื่อว่า หลางเฟิง ได้ช่วยเปิดบัญชีธนาคาร 5,ooo หยวน เริ่มต้น และบอกหมายเลขบัญชีสำหรับผู้ต้องการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เขาแล้ว

ซั่งไห่เดลี่ รายงานว่า ก่อนหน้านี้ "ไอ้ ตงเม่ย" นักกรีฑามาราธอนจีน ผู้ได้เหรียญทอง ในรายการ Beijing International Marathon 1999 ก็เคยนำเหรียญทองออกมาขาย หลังจากที่พ้นทีมชาติ โดยใช้ชีวิตในกระท่อมสร้างเองริมถนน หาเลี้ยงชีพขายเสื้อผ้าเด็ก

โจว ชุ่นหลาน แชมป์เปียนนักกีฬายกน้ำหนักหญิงจีน ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ทำลายสถิติโลกยกน.น. ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เลิกราวงการ พร้อมกับอาการบาดเจ็บที่หลังและเอวเรื้อรัง เธอหารายได้ยังชีพรับจ้างบริการนวดผู้คน ในสถานอาบน้ำสาธารณะ เมื่อปี พ.ศ.2549 แลกกับเงินเพียงครั้งละ 1.45 หยวน จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากผู้หวังดีคนหนึ่ง ออกทุนทำร้านซักรีด จึงสามารถเริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง

ไชน่า สปอร์ตเดลี หนังสือพิมพ์กีฬาจีนรายงานว่า จากการสำรวจ อดีตนักกีฬาทีมชาติจีน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 300,000 คนนั้น มีประมาณร้อยละ 80 ที่ต้องอดทนต่อสู้กับอาการบาดเจ็บทางร่างกาย ความยากจน ไร้การศึกษาและว่างงาน ยังไม่นับที่พิการทุพพลภาพตลอดชีวิต