เอเอฟพี - นักวิเคราะห์การเมือง เผยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 โดยการรวมตัวกันของกลุ่มปัญญาชนที่รวบรวมความสามัคคีของกรรมกรและชาวนาทั้งประเทศ มีอายุ 90 ปีในวันนี้ (1 ก.ค.) จัดเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำหน้าที่ดูแลประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ยังคงต้องปรับตัวอีกมากเพื่อให้ทันกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
รัฐบาลจีนได้กำหนดให้มีการฉลองวันครบรอบ 90 ปี สถาปนาพรรคฯ ในวันศุกร์นี้ (1 ก.ค.) ด้วยกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งยังสร้างภาพยนตร์โดยเฉพาะเพื่องานนี้ “เจี้ยนตั่งเหว่ยเย่” 《建党伟业》 หรือ “The Founding of a Party”
เจมส์ ซีมัวร์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า พรรคคอมมิวนิสต์ บริหารพัฒนาประเทศให้เติบโต แต่ก็มีอีกหลายด้าน ที่ยังต้องปรับตัวให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ และถ้าศึกษาระบบการปกครองคอมมิวนิสต์ดูจะพบว่า โดยส่วนใหญ่เมื่อเติบโตขึ้น แต่ไม่มีการปรับปรุงปฏิรูปฯ จะดำรงอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี
รายงานข่าวกล่าวว่า พรรคคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 ได้เติบโตผ่านสงครามกลางเมืองกระทั่งได้รับชัยชนะเมื่อปี พ.ศ. 2492 โดยเหมาเจ๋อตง ผู้นำประเทศ ต้องพาบ้านเมืองผ่านความวุ่นวายอีกนานเกือบ 30 ปี มีคุณูปการมาก แต่ก็มีความผิดพลาดในหลายๆ ครั้งเช่นกัน จนเมื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้ขึ้นบริหารประเทศหลังจากมรณกรรมของประธานเหมาฯ ในปี พ.ศ. 2519 เขาจึงได้นำชาติเข้าสู่การปฏิรูปฯ ผสมผสานเศรษฐกิจเข้ากับกระแสโลก จนสามารถปลดแอกประชาชนไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
สื่อตะวันตกฯ อ้างว่าเมื่อประเทศเติบใหญ่ขึ้น พรรคการเมืองขนาดเล็กยังไม่ได้ขยายตาม และบ่อยครั้งยังมีท่าทีของเผด็จการในระบบการปกครอง ควบคุมสื่อฯ และสะสมกำลังกองทัพพร้อมๆ กับควบคุมเศรษฐกิจเพียงลำพัง
บรรดานักวิเคราะห์ กล่าวว่าในประวัติศาสตร์จีน ไม่มีผู้นำคนไหนอยู่รอด หากปล่อยให้วงจรทุจริตฉ้อราษฎร์ บังหลวงเกิดขึ้นทั่ว การละเลยปัญหาสังคมและการเมือง ไม่ปรับตัวให้ทันกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ จะทำให้เกิดการฉ้อฉลในระบบฯ ได้ชนิดที่อาจแก้ไขไม่ทันเมื่อสาย ทั้งปัญหาคอร์รัปชั่น การยึดครองที่ดิน ช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวย-จน และปัญหามลพิษที่น่ากลัว
ประธานาธิบดีจีน หู จิ่นเทา ยอมรับว่าประเด็นคอร์รัปชั่นในพรรคฯ ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ที่ “เป็นภัยคุกคามเสถียรภาพของพรรคฯ”
หู ซิงเต้า ศาสตราจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง กล่าวกับเอเอฟพีว่า “ประชาชนเชื่อถือวางใจบรรดาผู้นำสูงสุด แต่พวกเขาไม่ไว้ใจรัฐบาลและบรรดาเจ้าหน้าที่ฯ ท้องถิ่น”
“การทุจริตของรัฐบาลท้องถิ่น มักเป็นตัวการของปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐบาล ซึ่งนับวันจะมากขึ้น”
ทั้งนี้ ทางการก็ไม่ได้ต้องการให้หมอกควันแห่งความขัดแย้งเหล่านั้น มาปกคลุมคืนวันอันสดใสครบรอบ 90 ปีของพรรคฯ จึงระดมเผยแพร่เรื่องราวรักชาติ ปลุกใจตามสื่อฯ ต่างๆ อีกทั้งนำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ว่าด้วย “การกำเนิดพรรคคอมมิวนิสต์” เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย และเพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาเหล่านั้นจะไปถึงประชาชนจริงๆ ก็ยังได้ขอความร่วมมือค่ายโรงภาพยนตร์ต่างๆ งดฉายหนังยอดนิยมอื่นๆ ในช่วงนี้
เช่นเดียวกับ นครฉงชิ่งที่ ปั๋ว ซีไหล นักการเมืองดาวรุ่ง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขามหานครฉงชิ่ง ได้จัดโครงการรณรงค์เผยแพร่อุดมการณ์เหมา มากมายหลายอย่าง เช่น การส่งเจ้าหน้าที่ไปทำงานในชนบท กิจกรรมการร้องเพลงปลุกใจของพนักงานตามรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ การออกรายการโชว์ปลุกใจรักชาติทางสถานีโทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งการตบรางวัลด้วยการลดหย่อนโทษจำคุกให้แก่นักโทษ ที่เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมแดง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรค ได้เผยว่า สมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์มีมากถึง 80 ล้านคนแล้ว โดยปีที่แล้วมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 ล้านคน และแม้ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากชื่นชมยินดีกับงานฉลองฯ แต่ก็มีอีกมากที่ไม่พอใจกับการถูกบังคับฝืนใจให้ร่วมกิจกรรมฯ โดยเสียงสะท้อนส่วนใหญ่อยู่ในบรรดาชาวเน็ตฯ
“ผมไม่ใช่สมาชิกพรรคฯ และไม่สนใจกับวันฉลอง 90 ปีเลย แต่ผมก็ต้องมานั่งร้องเพลงฯ ฉลองหลังเลิกงานกับเขาด้วย” ชาวเน็ตฯ คนหนึ่งแสดงความคิดเห็น
ขณะที่ ผู้สูงอายุในเมืองฉงชิ่งกล่าวว่า โครงการรณรงค์วัฒนธรรมแดง ทำให้รู้สึกหวนระลึกถึงบ้านเมืองเมื่อครั้งเก่าก่อน โดยเมื่อถึงเวลาบ่าย คนเหล่านี้จะพากันมาชุมนุมอยู่ที่หน้าศาลากลางของเมือง ร้องเพลงและเล่นดนตรีร่วมกัน
“วัฒนธรรมแดงไม่ใช่แค่การร้องเพลงเชิดชูพรรค แต่ยังเป็นการปรับทัศนคติให้ชาวจีนปกป้องจุดมุ่งหมายของการปฏิวัติ และการสร้างชาติ” นาย หลี่ เจี้ยนหัว ซึ่งเกษียณอายุการทำงานแล้วระบุ
หู ซิงเต้า กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้ามองจากมุมของการเมือง จะพบว่าพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แม้ว่าจะมีแผนปรับเปลี่ยนผู้นำในปีหน้า แต่อะไรๆ ก็คงเหมือนเดิม ก็คงเดินตามนโยบายของบรรดาผู้นำคนก่อนๆ แม้ว่าจะมีการปรับขยับตัวบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นพลิกตัวอย่างใด”