เอเอฟพี - การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอแดนมังกรระหว่างช่วงครึ่งแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยขยายตัวในอัตรา 18.4 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อชาติเศรษฐกิจอันดับสองของโลก
เหยา เจียน โษฆกกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงในวันศุกร์(15 ก.ค.) ว่า “ยอดการลงทุนของบรรดาบริษัทต่างชาติในจีนช่วงเดือนม.ค.- มิ.ย.2554 รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 60,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่ายอดลงทุนฯของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2553 ซึ่งเท่ากับ 51,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”
ข้อมูลระบุในเดือนมิ.ย.เพียงเดือนเดียว จีนสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ 12,860 ดอลลาร์หสรัฐ เพิ่มขึ้น 2.83 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี และมากกว่ายอดการลงทุนในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับ 9,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างแข็งขันกอปรด้วยความคาดหวังที่ว่าจีนอาจจะปรับเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้น เป็นปัจจัยที่ดึงดูดบรรดานักลงทุนต่างชาติเข้ามายังจีนมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปยังคงซบเซา
เหยา เผยว่า “ในระยะยาวจีนจะยังเป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศ โดยชาติเอเชีย อาทิ ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ เข้ามาลงทุนในจีนมากขึ้น ช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ยอดลงทุนของ 10 ชาติเอเชียในจีนโดยรวมเพิ่มขึ้น 23.9 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 52,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรก(2554) ยอดการลงทุนในจีนของสหรัฐฯลดลง 22.3 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยอดการลงทุนจากสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นเพียง 1.2 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ”
อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่จีนอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งสูง ขณะที่รัฐบาลจีนกำลังพยายามคุมเข้มภาวะเงินเฟ้ออย่างสุดความสามารถ โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วถึง 6 ครั้ง อีกทั้งคุมเข้มการปล่อยกู้ของบรรดาธนาคารจีน
สำหรับในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีซีพีไอ ปรอทวัดเงินเฟ้อตัวสำคัญแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ที่ 6.4 เปอร์เซ็นต์