“บีโอไอ” เผย ยอดการลงทุน 6 เดือน มีนักลงทุนยื่นขอส่งเสริมการลงทุน 882 โครงการ มูลค่า 2.47 แสนล้านบาท โดยมีนักลงทุนเอเชียแห่ขนเม็ดเงินเข้าไทยมากที่สุด
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาวะการลงทุน 6 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-มิถุนายน 2554) มีนักลงทุนได้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้ว ทั้งสิ้น 882 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 2.47 แสนล้านบาท จำนวนโครงการปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีจำนวน 616 โครงการ หรือเพิ่มขึ้น 43.2% ในขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้น 33.6% จากปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 1.85 แสนล้านบาท โดยเป็นมูลค่าเงินลงทุนเกินครึ่งจากเป้าหมายการขอรับส่งเสริมการลงทุนปีนี้ ที่ตั้งเป้าไว้ 4 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมีทิศทางขยายตัวในอัตราสูงมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยเฉพาะการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในเดือนมิถุนายน 2554 เพียงเดือนเดียว มีสัดส่วนจำนวนโครงการสูงที่สุดเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 180 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4.36 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาลงทุนของกลุ่มลงทุนรายใหญ่ รวมถึงโครงการขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการจำนวนมาก
สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมในช่วงครึ่งปีแรก กระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง ที่มีโครงการลงทุนสูงสุด อยู่ที่ 226 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 7.7 หมื่นล้านบาท รองมาเป็นกิจการในกลุ่มบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 180 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4.63 หมื่นล้านบาท กิจการเคมี กระดาษ และพลาสติก 126 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4.13 หมื่นล้านบาท กิจการอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องไฟฟ้า 130 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 3.54 หมื่นล้านบาท กิจการ เกษตรกรรม และผลิตผลจากการเกษตร 129 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2.57 หมื่นล้านบาท
ขณะที่การลงทุนตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) มีทั้งสิ้น 522 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1.67 แสนล้านบาท โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 375 โครงการหรือเพิ่มขึ้น 39% ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่า 9.83 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 70%
การลงทุนจากต่างประเทศในไทยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากประเทศในเอเชีย โดยมีกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นเป็นกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุด จำนวน 272 โครงการ เงินลงทุน 7.22 หมื่นล้านบาท โครงการเพิ่มขึ้น 80% จากปีก่อนที่มี 151 โครงการ ด้านมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 87% จากที่มีมูลค่าลงทุนอยู่ที่ 3.86 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มที่มีอัตราการขยายตัวทางด้านมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ การลงทุนจากเกาหลีใต้ มีจำนวนทั้งสิ้น 21 โครงการ เงินลงทุน 6,137 ล้านบาท จำนวนโครงการใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 510% หรือประมาณ 5 เท่า จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าเงินลงทุนอยู่ที่ 1,006 ล้านบาท
การลงทุนจากฮ่องกง มีจำนวน 13 โครงการเงินลงทุน 1.03 หมื่นล้านบาท มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 285% การลงทุนจากประเทศจีน มี 18 โครงการ เงินลงทุน 2.31 หมื่นล้านบาท มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 232% การลงทุนจากสิงคโปร์ มีทั้งสิ้น 31 โครงการ เงินลงทุน 1.66 หมื่นล้านบาท เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 101%
