เอเยนซี - สื่อต่างประเทศรายงาน ความคิดเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ กับคำกล่าวของนายเวิน จยาเป่า นายกรัฐมนตรีจีนระหว่างเดินทางเยือนยุโรปว่า จีนเป็นนักลงทุนระยะยาวในตลาดตราสารหนี้ยุโรป และจะยังคงให้การสนับสนุนยุโรปและสกุลเงินยูโรต่อไปว่า การลงทุนในพันธบัตรยุโรปเป็นเครื่องมือการลงทุนที่สำคัญของจีน
"การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับจีน" นายฟู หยิง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. และย้ำว่า จีนได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรสกุลเงินยูโรมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกแล้ว
รายงานของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงก์ระบุว่า ในปีนี้จีนได้ซื้อตราสารหนี้ของกรีซ สเปน และโปรตุเกส เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและตลาดของกลุ่มประเทศยุโรปมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ลดสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
นายหวาง เจียนซีวย์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปของไชน่า อินเวสต์เมนต์ คอร์ป (CIC) กล่าวว่า จีนต้องบริหารจัดการทุนสำรองอย่างเหมาะสม เพราะมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสะสมไว้ไว้จำนวนมากถึง3.04 ล้านล้านหยวน (เดือนมี.ค.) ขณะที่ความเสี่ยงในการนำทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์นั้น "ก็อาจทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว"
นายหวาง เซี่ยวหยี่ว์ รองหัวหน้าฝ่ายสำนักงานปริวรรตเงินตราจีน กล่าวและว่า การกระจายทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ไปลงทุนในพันธบัตรสกุลเงินยูโรจึงกลายเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับจีน เพราะมีอัตราผลตอบแทนในระดับสูงโดยเฉพาะพันธบัตรสกุลเงินยูโร โดยเมื่อเร็วๆ นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสกุลเงินยูโร สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ แล้ว
นายเจียง ชู นักวิเคราะห์ของอินดัสเทรียล แบงก์ กล่าวว่า สถานะการคลังและอัตราค่าเงินที่มีความแตกต่างกันในประเทศต่างๆ ในยุโรป ทำให้การลงทุนในพันธบัตรสกุลเงินยูโรมีความเสี่ยงมากกว่า การลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสอดคล้องกับนายจ้าว ซี่ว์จุน ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเหรินหมิน และเป็นรองประธาน First Financial Daily กล่าวว่า พันธบัตรสกุลเงินยูโรมีความเสี่ยงมากกว่า แต่ก็ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงมาก และสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มีการเปลี่ยนแปลงน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินยูโร