เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ / เอเยนซี - หลายคนในจีนเริ่มปริปากบ่นแล้วว่า กังฟูแพนด้า 2 ไม่เข้าถึงความเป็นจีน บิดเบือนวัฒนธรรมแบบจีน และล้างสมองเยาวชนให้โน้มเอียงไปตามพฤติกรรมของตัวละครซึ่งมีลักษณะเป็นตะวันตก
กังฟูแพนด้าภาค 2 ดำเนินเรื่องสืบเนื่องจากภาคแรก โดย โป แพนด้าผู้กลายเป็นนักรบมังกร เข้าปกป้องหมู่บ้านพร้อมกับเพื่อนๆ ตำนานผู้พิชิตทั้งห้า ซึ่งได้แก่ ไทเกรส พยัคฆ์เสือ, เครน กระเรียนทอง, แมนทิส ตั๊กแตนจอมต่อย, ไวเปอร์ อสรพิษไฟ และมังกี้ เจ้าวานร ในภาคก่อน
ขณะที่แก่นเรื่องในภาค 2 ชีวิตใหม่ของโปต้องผจญกับเจ้าเมือง (นกยูง) ผู้คุกคามแผ่นดินจีนด้วยอาวุธกระสุน โปต้องปลดปล่อยปมในใจ เพื่อเข้าถึงสัจธรรมแห่งการละวาง จึงอาจสามารถเอาชนะภัยร้ายได้
แม้เนื้อเรื่องจะพยายามสร้างให้มีความเป็นจีน ตั้งแต่การใช้ฉาก ตัวละครเช่น แพนด้า ผู้พิชิตทั้ง 5 หลักธรรมการเข้าถึง และวิชากังฟู แต่ลักษณะการดำเนินเรื่องและบุคลิกภาพของตัวละคร ล้วนแตกต่างจากวัฒนธรรมจีนโดยสิ้นเชิง
ขณะนี้มีการรณรงค์ต่อต้านภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว โดยกลุ่มผู้ต่อต้านกล่าวโทษว่า หนัง 3 มิติฮอลลีวู้ดเรื่องนี้ล้างสมองเยาวชนจีนให้เปลี่ยนมุมมองวัฒนธรรมการบริโภคเป็นแบบ “อาหารจานด่วน”
กังฟูแพนด้า 1 กวาดรายได้บนแผ่นดินใหญ่ไปเมื่อปี 2551 ถึง 180 ล้านหยวน จัดเป็นหนังยอดฮิตบนแดนมังกรก็ว่าได้
กลุ่มผู้สนับสนุนการต่อต้านหนังเรื่องนี้ชี้ว่า “ถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมหนังและผู้ชมชาวจีนจะได้รับรู้เสียทีว่า กังฟูแพนด้า 2 เป็นส่วนหนึ่งของสงครามวัฒนธรรมของมะกัน ขณะนี้หนังมะกันช่างมีอิทธิพลบนแผ่นดินจีนเหลือเกิน”
แต่นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรมเห็นว่า การต่อต้านฯ นี้เป็นผลผลิตจากลัทธิชาตินิยมและความรู้สึกว่าตนด้อยกว่ามะกัน
เจ้า ปานตี้ ศิลปินปักกิ่งผู้มักใช้แพนด้านเป็นธีมหลักของงานศิลป์ เป็นผู้ผลักดันเบื้องหลังการต่อต้านกังฟูแพนด้า เขาลงทุนซื้อหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ คือ เดอะ เป่ยจิง นิวส์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. และเดอะ เซาท์เทิร์น เมโทโพลิส นิวส์ ในก่วงโจว เมื่อ 23 พ.ค. โดยสโลแกนหลักที่ลงหนังสือพิมพ์คือ “ผมจะไม่ดูกังฟูแพนด้า 2 แล้วคุณล่ะ”
เจ้าชี้ว่า “เป้าหมายของผมเพื่อจะไม่ให้ยอดรายได้ของหนังเรื่องนี้ถึง 600 ล้านหยวนตามที่ตั้งไว้ และผมเชื่อว่าผมจะหยุดมันได้”
อย่างไรก็ตาม กังฟูแพนด้าสองทำรายได้ในจีน 340 ล้านหยวน เพียงฉายไปได้ 9 วันแรก
นอกจากนั้นเจ้าได้ส่งจดหมายออนไลน์ไปยังผู้จัดการโรงหนังทั่วจีน 500 แห่ง โดยในจดหมายลงนามนักวิชาการด้วย 2 คน เจ้ายังเรียกร้องผู้ปกครองไม่ให้พาลูกหลานไปชมกังฟูแพนด้า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติสากลเมื่อ 1 มิ.ย. ด้วย
“หนังเรื่องนี้บิดเบือนวัฒนธรรมจีน และขโมยความคิดแบบจีนไปจากคนจีน” จดหมายฯ ระบุ
เจ้าชี้ว่า “ผมกำลังทำสงครามต่อต้านหนังฮอลลีวู้ด ที่บางครั้งก็ขายความรุนแรง และเน้นเพียงต้องการทำยอดรายได้ แถมในตอนนี้ก็เข้ามามีอิทธิพลในการทำหนังจีนอานิเมชั่นเพื่อหากำไรเพียงอย่างเดียว โดยปราศจากความคิดสร้างสรรค์หรือความเข้าใจจีนอย่างถ่องแท้”
“พวกเรากำลังเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียวัฒนธรรมของพวกเราเอง.... อันที่จริงผมสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อให้เห็นด้านดีของวัฒนธรรมอื่น ๆ แต่ไม่ใช่การคุกคามทางวัฒนธรรม”
นอกจากเจ้าแล้วคง ชิงต้ง ศาสตราจารย์ด้านภาษาจีน ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก็ร่วมสนับสนุนด้วย คง ชี้ว่า “มันเป็นการบุกรุกเชิงวัฒนธรรม สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว และเป็นสงครามข้ามพรมแดน เราถูกหนังมะกันครอบงำมานานแล้ว ฮอลลีวู้ด ก็เหมือนกระทรวงวัฒนธรรมและโฆษณาการ ของมะกัน”
นอกจากนั้น ซุ่น หลี่จวิน คณบดีคณะภาพยนตร์อานิเมชั่นของสำนักภาพยนตร์ปักกิ่ง ชี้ว่า “ถึงเวลาแล้วที่คนจีนจะรู้ว่าวัฒนธรรมมะกันเป็นภัยคุกคาม วัฒนธรรมจีนเองกำลังสูญเสียความเป็นตัวเอง”
เจ้าเผยว่า การรณรงค์ฯ ครั้งนี้ได้ผลตอบรับดีในเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ซึ่งมีผลทำให้การแสดงรอบปฐมทัศน์กังฟูแพนด้า 2 ต้องยกเลิกไป
ขณะที่ชาวเน็ตจีน ว่า “หนังจีนเองทำไมไม่อาศัยวัฒนธรรมจีนสร้างหนังอานิเมชั่นให้ดีกว่าฮอลลีวู้ดบ้าง”
เจ้า ซิ่ง ศาสตราจารย์ด้านศิลปะและการโทรคมนาคม แห่งมหาวิทยาลัยเป่ยจิง นอร์มัล ชี้ว่า การบุกรุกเชิงวัฒนธรรม เป็นความคิดคล้าย ๆ กับ “องุ่นเปรี้ยว” ที่หมายถึง ตัวเองมีปมด้อยสู้เขาไม่ได้ก็บอกว่าของเขาไม่ดี เช่นเดียวกับคนจีนที่รู้สึกว่าผลผลิตเชิงวัฒนธรรมของตนไม่ดี เลยมองว่าฮอลลีวู้ดเป็นภัยคุกคาม
ชาวเน็ตบางคนตั้งคำถามว่า การรณรงค์ต่อต้านเป็นการช่วยสร้างกระแสให้ภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่ เจ้าก็ออกมาปฏิเสธว่า “ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับหนังเรื่องนี้”