เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - มาเลเซียและจีนได้ลงนามข้อตกลงทางเศรษฐกิจจำนวนมาก วานนี้ (28 เม.ย.) ส่งเสริมสัมพันธ์ที่ดีของสองชาติ พร้อมหาพื้นที่ใหม่สำหรับเปิดพื้นที่เศรษฐกิจในภูมิภาค
มีการเจรจาทางธุรกิจระหว่างนายกรัฐมนตรีจีน นายเวิน จยาเป่า และนายกรัฐมนตรีมาเลยเซีย นายนาจิบ ราซัค ตลอดช่วงสองวันของการเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่นายกเวินได้เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงงานหลอมอะลูมิเนียม และโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่น ๆ ของมาเลเซีย
นายกนาจิบ ชี้ว่า “การลงนามในวันนี้ (28 เม.ย.) เพื่อเพิ่มขยายและหยั่งรากลึกสัมพันธ์เศรษกิจ การค้าและความร่วมมือสองชาติ (จีน-มาเลย์) และจะต้องหาพื้นที่ใหม่สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่ออำนวยให้เกิดการค้าการลงทุนขนานใหญ่”
“พวกเรามั่นใจในความเป็นผู้นำของนายกเวิน ที่จะทำให้จีนเติบโตและกระตุ้นให้เศรษฐกิจโลกเติบโตตามไปด้วย” นาจิบกล่าว
ในการนี้ นายกฯ เวินให้คำมั่นว่าจะฟื้นการลงทุนในมาเลเซีย ด้านโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน โครงการพลังงาน และยังคงซื้อสินค้าเกษตรของมาเลย์ต่อเนื่อง
“บรรษัทจีนหลายแห่งพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน และจะเพิ่มการลงทุนขึ้นเรื่อย ๆ” นายกฯ เวินกล่าวที่เมืองปุตราจายา ใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ขณะอยู่กับนายกนาจิบ “จีนตกลงที่จะซื้อน้ำมันปาล์มพร้อมผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม และทุเรียนแช่แข็งจากมาเลเซีย”
นายกเวินกล่าวด้วยว่า “การพัฒนาโครงการต่าง ๆ ร่วมกันของสองประเทศบนพื้นฐานของความเสมอภาคจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ทั้งสองประเทศ”
จีนชื่นชมบทบาทของมาเลเซียในการเพิ่มความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียน เวินกล่าว
นายกนาจิบ ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ประกาศว่า ธนาคารกลางเนการาของมาเลเซียจะไปเปิดสำนักงานในปักกิ่งเพื่ออำนวยการค้าในจีน ซึ่งขณะนี้ธนาคารฯ ได้เปิดสำนักงานแล้วที่ลอนดอนและนิวยอร์ก
นอกจากนั้น ดร. Yeah Kim Leng หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทอาร์เอเอ็ม โฮลดิ้งส์ ชี้ว่า การเปิดสำนักงานของธนาคารฯ ในต่างแดนนั้น จะช่วยฟื้นการค้าและการลงทุนได้ “การเปิดสาขาฯ จะช่วยสนับสนุนสัมพันธ์เศรษฐกิจและช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินโดยเฉพาะเงินดอลลาร์ที่ผันผวน นอกจากนั้นจะช่วยอำนวยธุรกรรมการค้าของเงินสองสกุลได้”
การลงนามข้อตกลงวานนี้ เป็นผลพวงจากการลงนามแผนปฏิบัติการร่วมความรร่วมมือทางยุทธศาสตร์ของนาจิบในช่วงที่เดินทางเยือนจีนเมื่อปี 2552
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนเคยเยือนมาเลเซียเมื่อปี 2552
จากการเยือนหลายครั้ง ทำให้มีการลงนามทางธุรกิจหลายฉบับ โดยมาเลเซียได้ออกใบอนุญาตสำหรับธนาคารไอซีบีซีของจีน (Industrial and Commercial Bank of China) ในปลายปี 2552 ด้วย
นอกจากนั้น เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทการไฟฟ้าแห่งประเทศจีน (State Grid Corporation of China) และกองทุนเพื่อการพัฒนามาเลเซีย เอ็มดีบี ประกาศแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงหลอมอลูมิเนียมมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์ ในซาราวัก เกาะบอร์เนียว
จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของมาเลเซียตั้งแต่ปี 2551 เมื่อปีที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าสูงถึง 45,660 ล้านดอลลาร์