สังคมจับตา คดีนักเปียโนแทงแม่ลูกอ่อนตาย ประหารฯ หรือไม่?

เอเยนซี - สื่อจีนรายงานกระแสสนับสนุนและต่อต้านโทษประหารชีวิต ในคดีนักศึกษาเปียโนวัย 21 ปี แทงสุภาพสตรีเสียชีวิต ขณะที่รัฐบาลเริ่มจะมีการออกกฎหมายลดหย่อน และยกเลิกโทษประหารเพื่อเหตุผลทางมนุษยธรรมตามกระแสเรียกร้องของนานาชาติ

สื่อรายงานว่า หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ กระแสสังคม แตกความคิดเห็นกันเป็นสองทาง ด้านหนึ่งโกรธแค้นแทนผู้เสียชีวิต ขณะที่หลายๆ ฝ่ายพยายามที่จะแสดงเหตุผลในทางช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดโทษประหาร อันเป็นมาตรฐานเดียวของกรณีฆ่าคนตาย

ทั้งนี้ คดีนี้จะมีการพิพากษาในวันศุกร์ที่ 22 เมษายนนี้ นับเป็นเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของบรรทัดฐานการประหารชีวิต ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป

เย่า จยาซิน วัย 21 ปี นักศึกษาวิชาดนตรี กำลังศึกษาที่ มหาวิทยาลัยดนตรี ซีอาน ถูกจับในข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยเขาได้กระหน่ำแทงสุภาพสตรี หกครั้ง หลังเธอถูกเขาขับรถชนบาดเจ็บ แต่เจรจาตกลงกันไม่ได้

จาง เหมี่ยว วัย 26 ผู้เสียชีวิตได้ดึงป้ายทะเบียนรถของเหยา และมีการทะเลาะกัน เย่า จยาซิน โกรธ ใช้มีดกระหน่ำแทงเธอเสียชีวิตกลางถนนนั้นเอง

จากอุบัติเหตุ กลายเป็นคดีฆาตกรรม และกำลังจะสร้างบรรทัดฐานของโทษประหารชีวิต ว่าศาลจีนจะใช้หลักการ "ชีวิตแลกด้วยชีวิต" เช่นที่ปฏิบัติกันมาในหลักผดุงความยุติธรรมต่อไปหรือไม่

ทั้งนี้ ทนายความของเย่า ได้อ้างว่ากรณีของผู้ต้องหารายนี้ มีข้อควรพิจารณาในด้านมนุษยธรรม อ้างว่า เย่า เป็นคนดี เป็นนักเรียนตัวอย่าง ที่กระทำไปด้วยเหตุผลทางด้านจิตใจที่อ่อนไหว จากการถูกพ่อแม่บังคับให้เดินเส้นทางชีวิตที่ตนไม่ต้องการ เขาเป็นเหยื่อเช่นกัน มีเหตุที่สามารถกลับตัวเป็นคนดีมีประโยชน์ต่อสังคม

หลังเกิดเหตุ พ่อของเย่า ซึ่งเป็นนายทหารปลดเกษียณของพรรคคอมมิวนิสต์ ได้เสนอจ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวของจาง เหมี่ยว ซึ่งเธอมีลูกวัย 2 ขวบหนึ่งคน แต่ครอบครัวจางปฏิเสธ โดยอ้างว่า เป็นเงินเปื้อนเลือด

รายงานข่าวกล่าวว่า ตลอดเวลา 3 ชั่วโมงของการพิจารณาคดี จำเลยได้แต่ร้องไห้ และให้การว่า เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายตลอดเวลาเพราะความเครียด ที่ต้องเดินเส้นทางที่พ่อแม่ขีดวาง ส่วนบรรดานักวิชาการ ด้านอาชญวิทยาพยายามบอกว่าคดีนี้ ฆาตกรกระทำไปโดยบันดาลโทสะ

แต่สำหรับกระแสสาธารณะชนในโลกออนไลน์ กลับรู้สึกว่า นี่เป็นการอ้างเพื่อให้ได้รับความเห็นใจ โดยชาวเน็ตฯ ในสื่อออนไลน์ต่างตำหนิผู้สนับสนุนจำเลยว่า ไม่มีหัวใจ เพราะไม่ได้เกิดกับครอบครัวของตัวเอง และผู้ตายกับลูกวัย 2 ขวบที่กำพร้าก็คงไม่สามารถเรียกร้องชีวิตกลับคืนมาได้แล้ว ไม่เข้าใจว่ายกเรื่องของเหตุผลส่วนตัว ที่ถูกพ่อแม่บังคับชีวิต มาอ้างลดหย่อนโทษได้อย่างไร

นอกจากนี้ กระแสชาวเน็ตฯ ยังไม่พอใจ เมื่อพบว่า สื่อมวลชนพยายามสร้างภาพความน่าสงสารของจำเลย มีการถ่ายทอดภาพพ่อแม่ร้องไห้เสียใจ ทำรายงานพิเศษรายงานชีวิต ซึ่งเหมือนเป็นการกดดันศาล ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีข่าวลือว่า เจ้าหน้าที่ทางการ ได้ทำการสำรวจนักศึกษา 400 คน ว่าควรลงโทษประหารฯ หรือไม่

ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภากรรมาธิการจีนได้ประชุมเกี่ยวกับบทลงโทษทางอาญา โดยเฉพาะความผิดอาญาที่ต้องโทษประหารมากกว่า 55 เรื่อง และแก้ไขปรับบทลงโทษกฎหมายอาญา โดยยกเลิกโทษประหารในความผิดทางการเงินและเศรษฐกิจ 13 เรื่อง เพื่อสนองนโยบายสิทธิมนุษยชน และมิติมนุษยธรรมในกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกตำหนิวิพากษ์จากนานาชาติเสมอมา และคดีของนายเหยา กำลังถูกจับตามอง เพราะอาจเป็นบรรทัดฐานของการใช้หลักมนุษยธรรม ที่ศาลจีนจะใช้ยึดถือต่อไปในอนาคต