ในสัปดาห์นี้ งานแสดงรถยนต์ที่เซี่ยงไฮ้ "ซั่งไห่ ออโต้โชว์" (Shanghai Auto Show)คงจะเป็นที่จับตา เมื่อบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก และของจีนเอง จะมารวมกันที่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์โลกในยุคศตวรรษที่ 21 นี้กันอย่างคับคั่ง เผยแผนการผลิตและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มุ่งพัฒนากันมา
"ซั่งไห่ ออโต้โชว์" ยังนับเป็นงานแสดงรถยนต์ ที่จัดขึ้นงานแรก หลังจากภัยพิบัติธรรมชาติครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สำคัญ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่บรรดาค่ายรถยักษ์ใหญ่และนักวิเคราะห์ จากภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นอันจะมีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวม ซึ่งคาดว่า การผลิตของโรงงานญี่ปุ่นจะชะลอตัวไปแล้วทันทีเมื่อกลางเดือนเม.ย. ส่วนการผลิตรถยนต์ในจีน ยุโรป และอเมริกาเหนือก็งคงจะลดลงจำนวนลงภายในสิ้นเดือนนี้ด้วย
การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและความอยู่รอดของอุตสาหกรรมจึงคงพึ่งตลาดรถยนต์เมืองจีน ซึ่งคว้าตำแหน่งตลาดใหญ่สุดในโลกจากสหรัฐฯ เมื่อปี 2552 ก่อนจะเริ่มชะลอการเติบโตลงร้อยละ 8 ในไตรมาสแรกปีนี้ไป หลังจากรัฐบาลจีนถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ประกาศใช้เพื่อต่อสู้กับวิกฤตการเงินโลกมาก่อนหน้านี้ และการจำกัดการออกทะเบียนรถยนต์ในกรุงปักกิ่ง
แต่กระนั้น นักวิเคราะห์ยังมองเห็นโอกาสที่สดใสในภาคตลาดรถยนต์แดนมังกร ที่ยังมีที่ว่างอีกมากมายมหาศาล เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้มีรถยนต์ เทียบกับจำนวนประชากรจีนกว่า 1,300 คนทั้งประเทศ และรายได้ของประชาชนที่ขยับขึ้นมามีฐานะระดับกลางมากขึ้น
ค่ายชั้นนำของโลก ที่ประกาศแล้วว่าจะได้ยลโฉมในงาน ส่วนใหญ่เป็นค่ายที่สามารถปรับฐานเข้ากับตลาดรถยนต์จีนได้อย่างมั่นคงแล้ว อาทิ ค่ายโฟล์กสวาเก้นกับการเปิดตัวรถบีตเทิลรุ่นใหม่รูปแบบย้อนยุค จีเอ็ม ก็มีเชฟโรเล็ต มาลิบูรุ่นใหม่ของ ส่วนพีเอสเอ กรุ๊ปจากฝรั่งเศส ก็โชว์ซีตรอง ดีเอส5
ล่าสุดนี้ ฟอร์ด ยังเตรียมรถยนต์ใหม่ 15 รุ่น เพิ่มโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในจีน และเตรียมผลิตรถยนต์รุ่นฟอร์ด คูก้าในจีน ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการนำเข้ารถยนต์ใหม่และพาวเวอร์เทรน 50 รุ่น ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ในอีก 4 ปีต่อจากนี้ ด้วยกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์รถยนต์ภายใต้แนวคิดวันฟอร์ด(One Ford) จะมีแพลตฟอร์มเดียวขายทั่วโลก ซึ่งช่วยให้การบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ ช่วยลดต้นทุนในการพัฒนา ลดความหลากหลายของชิ้นส่วนที่ต้องผลิต และลดต้นทุนการผลิต
งานนี้ นาย แพทริก เบลน ประธานองค์การผู้ผลิตยานยนต์ระหว่างประเทศ ถึงกับกล่าวว่า ศูนย์กลางแรงดึงดูดของกิจกรรมกำลังมุ่งหน้ามายังจีนอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นาย คาร์ลอส ดา ซิลวา นักวิเคราะห์ของโกลบอล อินไซต์ ในกรุงปารีสชี้ว่า การมีเศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ของจีนนับเป็นข้อได้เปรียบประการหนึ่งสำหรับจีน เพราะสามารถคุมตลาดให้โตก็ได้ จะชะลอก็ได้หากไม่ต้องการให้ตลาดร้อนแรงเกินไป
โจ ไฮน์ริชส์ ซีอีโอของฟอร์ด (จีน) แสดงความเห็นว่า สำหรับจีน แต่ละเปอร์เซนต์ของตลาดคือปริมาณมหาศาล ดังนั้น แม้ว่า รัฐบาลจีนอาจจะประคองอัตราการเติบโตของตลาดให้อยู่ที่ราว ร้อยละ 5 - 10 แต่ก็เป็นอัตราที่เติบโตคงที่อย่างมั่นคง ดั้งนั้น แม้จะไม่สูงถึงตัวเลขสองหลักแต่การเติบโตนับว่ามีอนาคต ซึ่งฟอร์ดเองก็คาดว่าจะสามารถจำหน่ายรถยนต์ของตนได้ราว 5 ล้านคัน ภายในปี 2558 เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ของ ออดี ก็เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 32 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยสถิติ 18 ล้านคัน จนค่ายใหญ่นี้กลับมาผงาดอีกครั้งหลังถดถอยตามภาวะเศรษฐกิจโลก
และแน่นอน ภายใน 4-5 ปีข้างหน้านี้ ค่ายยักษ์ของจีนอย่าง SAIC ซึ่งเข้าไปถือหุ้นร่วมใน จีเอ็ม และโฟล์คสวาเกน ก็มุ่งหวังที่จะสร้างแบรนด์ให้ใหญ่ ไม่แพ้ใคร พร้อมกับตั้งเป้าเพิ่มยอดขายขึ้นเป็นเท่าทวีในแต่ละปี โดยอย่างน้อยๆ ไม่ต่ำกว่า 6,000,000 คัน ภายในปี 2558 นี้เช่นกัน ส่วนแนวโน้มของรถยนต์พลังงานสะอาด ก็จะเป็นแนวทางหลักที่รัฐบาลจีนจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และลดการพึ่งพาพลังงานน้ำมัน
FAW Group ของจีน บอกว่าภายใน 5 ปีนี้ จะได้ลงทุน 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ พัฒนารถยนต์พลังงานสะอาด ส่วนก่วงโจว กรุ๊ป ก็ร่วมทุนกับ ฮอนดากรุ๊ป
เอียน โรเบิรต์สัน กรรมการฝ่ายการตลาดของค่าย บีเอ็มฯ กล่าวว่า โอกาสโตของรถยนต์พลังงานใหม่ในจีนมีมากกว่าทุกประเทศในโลก ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนของการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว
"ซั่งไห่ ออโต้โชว์" ปีนี้ จัดขึ้นในเขตผู่ตง บนเนื้อที่ 230,000 ตารางเมตร ใหญ่โตกว่าเมื่อสองปีก่อนเกือบหนึ่งเท่า มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนราว 2,000 รายจาก 20 ประเทศ คาดว่าจะเผยโฉมรถยนต์รุ่นใหม่ 75 รุ่น ซึ่งรวมถึง19 รุ่นเป็นรถยนต์ชั้นนำระดับโลก รวมรถยนต์ที่ออกงานทั้งสิ้น 1,100 คัน ผู้จัดงานคาดว่าจะมีผู้มาชมงานมากถึง 700,000 คนในช่วงการจัดแสดงระหว่างวันที่ 23 -28 เม.ย. นี้ นับว่าเป็นงานใหญ่ระดับศูนย์กลางรถยนต์โลกแห่งศตวรรษนี้ทีเดียว
