เอเยนซี - เครื่องบินรบไฮเทค เจ-20 ขึ้นบินครั้งที่สอง ร่วมฉลองวัน 60 ปีอุตสาหกรรมการบินจีน ซึ่งภาพการบินต่างๆ ยังไม่เปิดเผยสาธารณะ แต่ประชาชนสามารถถ่ายภาพขณะบินเหนือศีรษะใกล้ที่สุดเท่าที่มีคนทั่้วไปถ่ายได้
โกลบอลไทม์ส รายงานอ้างคำกล่าวของผู้เห็นเหตุการณ์ว่า การทดสอบบินครั้งที่สองของ เจ J-20 จากสนามบินเฉิงตู มณฑลเสฉวน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 เม.ย.) นี้ เจ J-20 ได้บินผ่านไปมาในบริเวณสนามบินอยู่หลายรอบ และเมื่อนักบินเห็นกลุ่มคนที่ยืนรอชมอยู่ก็ได้บินลดระดับและขยับโบกครีบปีกและหางเสือไปมาเพื่อทักทายอย่างอารมณ์ดี
ทางกระทรวงกลาโหมไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ ในการทดสอบบินครั้งที่สองนี้ ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 11 มกราคม จีนได้ทำให้นานาชาติจับตามองถึงขีดขั้นการพัฒนาแสนยานุภาพทางอากาศที่เร็วรุดหน้าเกินคาดหมาย เปิดโฉมหน้าการบินยุคใหม่ด้วย เครื่องบินขับไล่ต้นแบบ เจ J-20 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่สุด
บรรดานักวิเคราะห์ ซึ่งพยายามหาข้อมูลของเครื่องบินรุ่นใหม่นี้ จากภาพถ่ายเท่าที่มีอยู่ ต่างออกความเห็นว่า เป็นไปได้มากที่จีนจะพัฒนาแสนยานุภาพทางอากาศของตนได้เร็วเกินกว่าที่นานาชาติคาด และ เจ J-20 ก็มีโอกาสสูงมากที่จะขึ้นมาเทียบรุ่นกับ เอฟ- 22 แรปเตอร์ ของสหรัฐฯ ซึ่งในปัจจุบัน ยังไร้คู่ต่อกร
นักวิเคราะห์ เสริมว่า เมื่อประเมินภาพรวมพร้อมกับข่าวการเตรียมนำเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนลำแรกที่ติดตั้งขีปนาวุธลงน้ำในปีนี้ เร็วกว่าที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญการบินของสหรัฐฯ คาดกันไว้ กับข่าวคราวการพัฒนาเครื่องบินโดยสาร ซี C919 และล่าสุด สนามบินปักกิ่ง ขึ้นแท่นอันดับ 2 ของโลกแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมการบินจีนอย่างยิ่ง หลังจากได้ทุ่มเทพัฒนาอย่างเงียบๆ มาตลอด 60 ปี
ซู หย่งหลิง หนึ่งในนักบินทดสอบชั้นแนวหน้าของจีนกล่าวว่า การขึ้นบินแต่ละครั้งคือการเขยิบใกล้ความเป็นจริงในการผลิตเพื่อประจำการ
ซุ กล่าวกับโกลบอล ไทม์ส เมื่อวันจันทร์ว่า โดยทั่วไป การบินทดสอบ 10 - 20 ครั้งแรกจะประเมินการทำงานของเครื่องยนต์ รวมถึงการควบคุมการบินต่างๆ มีการทดสอบบินฉวัดเฉวียง หลอกซ้าย แล้วเร่งขึ้นออกไปทางขวา ซึ่งจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ ในแต่ละเที่ยว และคงใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะสมบูรณ์
ทั้งนี้ สื่อจีนรายงานว่า การบินทดสอบเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คงเพื่อถือโอกาสร่วมฉลอง 60 ปี อุตสาหกรรมการบินจีน ซึ่งจัดพิธีฯ ที่กรุงปักกิ่ง
สำหรับเครื่องบินรบJ-20 นี้ มีชื่อว่า "เฉิงตู เจ-20 (Chengdu J-20)เป็นเครื่องบนรบในโครงการ J-XX ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน คาดการณ์ว่าจะเข้าประจำการประมาณภายในปี พ.ศ. 2563
ภาพเปรียบเทียบลำต่อลำ เครื่องบินรบไฮเทคจ้าวเวหา ระหว่าง ที-50 ของรัสเซีย (ซ้าย) เอฟ-22 ของสหรัฐฯ(กลาง) และ เจ-20 ของจีน
เจ-20 เป็นเครื่องบินรบในยุคที่ 5 ที่มีเทคโนโลยีล่องหน (Stealth) ซึ่งเรดาห์ไม่สามารถตรวจจับได้ ปัจจุบันทั่วโลกมีประจำการเพียง 3 รุ่น คือ เอฟ-22 แร็พเตอร์, เอฟ-35 ไลท์นิ่ง 2 ของสหรัฐฯ และ ซุคฮอย ที-50 ของรัสเซีย โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากการพัฒนาสำเร็จ เจ-20 จะเป็นเครื่องบินขับไล่หลากบทบาท เช่นเดียวกับ เอฟ-35 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และหากเทียบกัน ก็ยังมีข้อเหนือกว่า เอฟ-22 ของสหรัฐฯ ที่สามารถบรรทุกอาวุธและเชื้อเพลิงได้มากกว่า จึงมีพิสัยทำการที่ไกลกว่า และปริมาณอาวุธมากกว่า
หลิน ซั่วหมิง ผู้จัดการทั่วไปของบรรษัทอุตสาหกรรมการบินของจีน Aviation Industry Corporation of China (AVIC)กล่าวว่า เครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ของจีนกำลังจะทะยอยเผยตัวออกมา และภายในปี 2558 การวิจัยพัฒนาและออกแบบเครื่องบินรุ่นสำคัญๆ จะเสร็จสมบูรณ์ รวมทั้งงานออกแบบเครื่องยนต์ไอพ่น
หลิน กล่าวว่า AVIC จะลงทุนอีกกว่า 10,000 ล้านหยวน เพื่อพัฒนาเครื่องยนต์ไอพ่น และเทคโนโลยีเหล่านี้จะนำไปปรับใช้สำหรับการบินพลเรือนด้วย ไม่ใช่ในทางทหารเพียงลำพัง
หวัง จี้หลิน ผู้จัดการของบรรษัทการบินพาณิชย์ กล่าวกับซีซีทีวีเมื่อวันอาทิตย์ว่า เครื่องบินโดยสาร ซี C919 ที่กำลังผลิต จะใช้เครื่องยนต์ที่ออกแบบโดย AVIC ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี พ.ศ. 2563 และถึงตอนนั้น อุตสาหกรรมการบินจีน จะขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับบรรดากลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมนี้ และยังก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์เจ็ตรายใหญ่ของโลก
(ชมคลิป เครื่องบินไฮเทค เจ 20 ซึ่งมีประชาชนสามารถถ่ายภาพไว้ได้ เมื่อบินครั้งที่สองวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา)
(คลิป เปรียบเทียบ เอฟ-22 แร็พเตอร์, เอฟ-35 ไลท์นิ่ง 2 ของสหรัฐฯ และ ซุคฮอย ที-50 ของรัสเซีย เหล่าสเตลท์ รุ่นพี่ ที่ เจ -20 กำลังเหินขึ้นเทียบชั้น)
