เอเอฟพี - ทางการจีนแถลงเมื่อวันพุธ (2 มี.ค.) ว่า เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายใน และลดช่องว่างทางฐานะของประชาชน รัฐบาลจีนจะปรับยกตัวเลขรายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีให้สูงขึ้น พร้อม ๆ กับที่หลายมณฑลประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปแล้ว
มหานครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางการเงินของจีน ประกาศว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 14 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ต้องการลดผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อและความยากจน โดยเห็นว่าหากไม่แก้ไขอาจนำมาซึ่งความไม่สงบได้
ขณะที่มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าส่งออกที่สำคัญทางภาคใต้ของจีน ก็ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเฉลี่ย 18.6 เปอร์เซ็นต์ โดยเริ่มในเดือนมี.ค. นี้
รายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีของจีนขณะนี้อยู่ที่ 2,000 หยวนต่อเดือน (ประมาณเดือนละ 9,300 บาท) ทั้งนี้ประเทศจีนมีการเก็บภาษีเงินได้ทั้งหมด 9 ประเภท และอัตราภาษีที่เก็บสูงสุดคือ 45 เปอร์เซ็นต์
คณะรัฐมนตรีจีนออกแถลงการณ์ว่า “เพื่อลดภาระภาษีสำหรับคนที่มีรายได้น้อย-ปานกลาง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาทบทวนกฎหมายการจัดเก็บภาษีเงินได้ส่วนบุคคลและการจ่ายภาษีขั้นต่ำ”
นายกรัฐมนตรีจีน เวิน จยาเป่า กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) การแก้ปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม จะเป็นวัตถุประสงค์หลักในแผนพัฒนา 5 ปี ฉบับที่ 12 (2554-2558) ซึ่งถือเป็นพิมพ์เขียวนำร่องให้เศรษฐกิจจีน
“การกระจายรายได้อย่างเหมาะสมนั้นเกี่ยวพันโดยตรงกับความเป็นธรรมทางสังคม กฎหมายและความมั่นคง” เวินกล่าวในขณะแชตออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตกับชาวเน็ตจีนเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.)
ค่าแรงขั้นต่ำของเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่พยายามบรรเทาแรงกดดันจากปัญหาราคาอาหารและอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูง
รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ว่า ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มจากเดือนละ 1,120 หยวน (5,200 บาท) เป็นเดือนละ 1,280 หยวน (5,950 บาท) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนเม.ย.เป็นต้นไป
อัตราเงินเฟ้อจีนในช่วงเดือน พ.ย. 2553 พุ่งสูงเหยียบ 5 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ขณะที่ในเดือนม.ค. 2554 เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 4.9 เปอร์เซ็นต์ เกินที่รัฐบาลคาดไว้ว่าจะสูงเพียง 4 เปอร์เซ็นต์
เนื่องจากเกรงว่าเงินเฟ้อทำให้เกิดปัญหาความไม่สงบทางสังคม รัฐบาลได้ขุดหลายมาตรการมาคุมอัตราเงินเฟ้อและพยายามทำให้ราคาบ้านลดต่ำลงด้วย
รัฐบาลจีนกำลังหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุกาณ์ความไม่สงบดังเช่นในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ที่เป็นเหตุให้ประชาชนลุกฮือโค่นล้มประธานาธิบดีตูนีเซียและอียิปต์ไปแล้ว
จีนมีประชากรมหาศาล ซึ่งกว่า 200 ล้านคนมีรายได้ต่ำเป็นพวกแรงงานอพยพ ทำงานตรากตรำไกลบ้านเกิดของตน ซึ่งรัฐบาลก็เห็นว่า พวกเขามีความเสี่ยงและไม่มั่นคงสูง ดังนั้นมาตรการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำน่าจะช่วยผ่อนคลายปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่จีนกำลังประสบได้