สำหรับในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ซึ่งกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์(3 ก.พ.) ชาวจีนนับหลายร้อยล้านพร้อมใจแห่แหนเดินทางกลับบ้านกัน เพื่อไปฉลองเทศกาลปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้า และการเดินทางบนท้องถนนในช่วงก่อนเทศาลตรุษจีนปีนี้ ก็ดูจะคับคั่งที่สุดกว่าปีที่ผ่านๆมา
กระทรวงคมนาคมคาดการณ์ ช่วงเวลาที่จะมีการเดินทางคับคั่งมากที่สุด คือ ช่วงระหว่างวันที่ 19 ม.ค. - 27 ก.พ.2554 โดยจะมีการเดินทางโดยทางรถยนต์โดยสารประจำทาง ราว 2,600 ล้านเที่ยว คิดเป็นอัตราเพิ่ม 11.6 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันปีที่ผ่านมา
ขณะนี้ กระทรวงคมนาคม เตรียมรับมือการจราจรในช่วงนี้ ซึ่งจะมีการสัญจรของรถโดยสารประจำทางเกือบ 1 ล้านคัน วิ่งให้บริการประชาชน
แม้ในเร็วๆนี้จีนได้เปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองใหญ่หลายสายด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยลดความคับคั่งการเดินทางบนท้องถนน เนื่องจากการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงเพื่อเป็นทางเลือกการเดินทางของประชาชน ทำให้มีการตัดลดบริการรถไฟเก่าที่ให้บริการประชาชนทั่วไปซึ่งมีรายได้ไม่สูง และไม่อาจซื้อบริการรถไฟความเร็วสูง ที่ราคาตั๋วแพงกว่า โดยเฉพาะขบวนรถชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ทำให้เกิดความสูญเสียขึ้นในความสามารถด้านบริการการเดินทางที่สูงขึ้นของจีน
อาทิ ตั๋วรถไฟความเร็วสูงสายเซี่ยงไฮ้-เฉิงตู พร้อมบริการตู้นอนหรูหรา ราคาค่าตั๋วแพงถึง 2,330หยวน(ราว 10,500 บาท)
แม้ว่าผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งที่สู้ราคาตั๋วรถไฟความเร็วสูงไม่ไหวจนต้องหันกลับมาพึ่งรถโยสารที่วิ่งเดินทางบนท้องถนนแทน บริการรถไฟความเร็วสูงก็สามารถดึงดูดบรรดานักเดินทางผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างดีให้มาใช้บริการแทนการเดินทางโดยเครื่องบิน เนื่องจากการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเดินทางไม่ต่างจากการเดินทางโดยเครื่องบินมากนัก แถมได้ประสบการณ์ใหม่ในการเดินทาง อันทำให้สายการบินบางรายยกเลิกเที่ยวบินระยะสั้น
ตัวอย่างเช่น รถไฟความเร็วสูงสายอู่ฮั่น-ก่วงโจว(กวางเจา) ซึ่งผ่านเมืองยักษ์ใหญ่ฉังซาในมณฑลหูหนันด้วยนั้น มีผู้โดยสารใช้บริการในปีที่แล้ว(2553) มากถึง 20.6 ล้านคน ขณะที่ ในช่วงเวลาเดียวกัน เที่ยวบินฉังซา-ก่วงโจว ได้ถูกตัดลดลงจากเดิม ที่โดยเฉลี่ยมี 11.5 เที่ยวบินต่อวัน เหลือเพียง 3 เที่ยวบินต่อวัน และแม้จะมีการปรับลดค่าตั๋วเครื่องบินในเที่ยวบินดังกล่าวลง 15 เปอร์เซ็นต์ แต่จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการเที่ยวบินฉังซา-ก่วงโจว ก็ยังคงลดลงถึง 48 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 390,000 คน